เทคนิคการล้างหน้าให้ถูกวิธี
โดย: พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน
*เทคนิคการล้างหน้าที่ถูกวิธีเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะให้คุณผิวสวย แต่รู้ไหมคะว่าควรจะล้างหน้าวันละกี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ล้างอย่างไรถูซ้ายไปขวาหรือล่างขึ้นบน? ล้างด้วยสบู่หรือเจลหรือโฟมล้างหน้ากันดี? มีคำตอบเพื่อหน้าใสอยู่ทางนี้ค่ะ
*เริ่มที่การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอค่ะ ตื่นนอนตอนเช้าและอาบน้ำตอนเย็นก็เพียงพอ ไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ กรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริงๆ เช่น หลังเล่นกีฬา ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ก็อาจจะเพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้
*ที่สำคัญ อย่าใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนล้างหน้านะคะเพราะจะทำให้ผิวแห้งและแลดูเหี่ยวๆ อีกต่างหาก เวลาล้างก็ขอแค่ลูบไล้แต่เบามือ ไม่เช็ด ไม่ถู ถ้าใช้คลีนเซอร์หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้ากันตลบจนเกลี้ยงเกลา คงต้องเลิกนะคะเพราะจะทำให้ผิวถลอกลอกได้
*คุณทราบไหมว่าชั้นขี้ไคลก็คือชั้นหนังกำพร้าที่เกาะติดอยู่บนผิวหนังชั้นบนควบคู่ไปกับชั้นน้ำมันเคลือบผิว ทั้งขี้ไคล ทั้งน้ำมันไม่ใช่สิ่งสกปรกอย่างที่ใครๆ เข้าใจผิดนะคะ หากแต่เป็นเกราะที่คอยคุ้มครองปกป้องผิวหน้าจากฝุ่นละออง เชื้อโรคและสารเคมีไม่ให้ซึมผ่านลงไปทำร้ายผิว
*หากคุณเช็ดถู ล้างหน้าจนเกลี้ยง ชั้นน้ำมัน ชั้นขี้ไคลก็ไม่เหลือ ผิวหน้าของคุณก็ดั่งปราศจากเกราะ ขาดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อยๆ ใช้น้ำยา ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า มักจะมีปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย กลายเป็นผิวบอบบางโดนอะไรนิด อะไรหน่อยก็แพ้เป็นผื่นหรือคันได้
*วิธีแก้ผิวแพ้ง่าย ให้ใช้มาตรการ “ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด” แล้วจะหายเองค่ะ แต่ถ้าคุณแต่งหน้า มีเครื่องสำอางค์รองพื้นเต็มใบหน้า หากเครื่องสำอางค์ไม่ได้กันน้ำ คุณก็สามารถเลือกใช้สบู่เจลใสอ่อนๆ ของเบบี้หรือของผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ เลือกประเภทที่ไม่มีฟอง ไม่มีน้ำหอมจะได้ไม่ระคายเคืองขึ้นมาอีก
*เวลาล้างก็แค่เอาน้ำลูบ ไล้ๆ เจลใสหรือโฟมที่ไม่มีฟองเหล่านี้เบาๆ ทั่วหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอย่างเบามือ แค่นี้ก็สะอาดแล้วล่ะค่ะ
*หลังล้างหน้าให้ซับเบาๆ ไม่เช็ด ไม่ถู ผิวจะได้ไม่หยาบกร้านและไม่ต้องใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหรอกนะคะ หากล้างหน้าเสร็จแล้ว คุณรู้สึกลื่นๆ เหมือนไม่เกลี้ยง ซับหน้าเบาๆ ด้วยผ้าขนหนู ไม่ต้องไปวิตกจริตว่ามันจะลงไปอุดตันทำให้เกิดสิวหรอกนะคะ ถ้าจะเป็นสิวก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดจากฮอร์โมนเพศในตัวคุณเอง
*โดยธรรมชาติ ผิวหนังกำพร้าของคนเราจะหลุดลอกออกมาเองทุกวัน ก็จะพาเอาแป้ง เอาฝุ่นให้หลุดลอกออกมาด้วย ไม่ต้องออกแรงถู ไม่ต้องเสียเงินซื้อคลีนเซอร์ โทนเนอร์ ชุดล้างหน้าแพงๆ มาใช้หรอกนะคะ เสียดายเงิน สงสารประเทศไทยกันบ้าง ต้องเสียเงินออกนอกประเทศไปกับเครื่องสำอางค์แพงๆ เหล่านี้
*คุณจะใช้สบู่เหลวของเด็กขวดละ 70 บาทหรือชุดล้างหน้าสุดหรูยี่ห้อดังชุดละ 7,000 บาท หน้าก็สะอาดใสได้เท่ากันค่ะ ที่เคยผิดพลาดกันมานานก็ถือว่าแล้วกันไป ถือเป็นความผิดโดยสุจริตก็แล้วกันนะคะ
*โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าเบาๆ เช้าครั้งเย็นหน ใช้สบู่เหลว เจลใสหรือโฟมไร้ฟอง ลูบไล้เบาๆ เอาแค่พอลื่นๆ ไม่ต้องสะอาดเอี่ยมอ่องนะคะ แล้วก็ซับหน้าเบาๆ ไม่ต้องเช็ด ไม่ต้องถู อะไรที่เคยใช้เช็ดๆ ถูๆ ผิวหน้า กลับบ้านไปโยนทิ้งได้เลยค่ะ
โดย: พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน
*เทคนิคการล้างหน้าที่ถูกวิธีเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะให้คุณผิวสวย แต่รู้ไหมคะว่าควรจะล้างหน้าวันละกี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ล้างอย่างไรถูซ้ายไปขวาหรือล่างขึ้นบน? ล้างด้วยสบู่หรือเจลหรือโฟมล้างหน้ากันดี? มีคำตอบเพื่อหน้าใสอยู่ทางนี้ค่ะ
*เริ่มที่การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอค่ะ ตื่นนอนตอนเช้าและอาบน้ำตอนเย็นก็เพียงพอ ไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ กรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริงๆ เช่น หลังเล่นกีฬา ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ก็อาจจะเพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้
*ที่สำคัญ อย่าใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนล้างหน้านะคะเพราะจะทำให้ผิวแห้งและแลดูเหี่ยวๆ อีกต่างหาก เวลาล้างก็ขอแค่ลูบไล้แต่เบามือ ไม่เช็ด ไม่ถู ถ้าใช้คลีนเซอร์หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้ากันตลบจนเกลี้ยงเกลา คงต้องเลิกนะคะเพราะจะทำให้ผิวถลอกลอกได้
*คุณทราบไหมว่าชั้นขี้ไคลก็คือชั้นหนังกำพร้าที่เกาะติดอยู่บนผิวหนังชั้นบนควบคู่ไปกับชั้นน้ำมันเคลือบผิว ทั้งขี้ไคล ทั้งน้ำมันไม่ใช่สิ่งสกปรกอย่างที่ใครๆ เข้าใจผิดนะคะ หากแต่เป็นเกราะที่คอยคุ้มครองปกป้องผิวหน้าจากฝุ่นละออง เชื้อโรคและสารเคมีไม่ให้ซึมผ่านลงไปทำร้ายผิว
*หากคุณเช็ดถู ล้างหน้าจนเกลี้ยง ชั้นน้ำมัน ชั้นขี้ไคลก็ไม่เหลือ ผิวหน้าของคุณก็ดั่งปราศจากเกราะ ขาดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อยๆ ใช้น้ำยา ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า มักจะมีปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย กลายเป็นผิวบอบบางโดนอะไรนิด อะไรหน่อยก็แพ้เป็นผื่นหรือคันได้
*วิธีแก้ผิวแพ้ง่าย ให้ใช้มาตรการ “ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด” แล้วจะหายเองค่ะ แต่ถ้าคุณแต่งหน้า มีเครื่องสำอางค์รองพื้นเต็มใบหน้า หากเครื่องสำอางค์ไม่ได้กันน้ำ คุณก็สามารถเลือกใช้สบู่เจลใสอ่อนๆ ของเบบี้หรือของผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ เลือกประเภทที่ไม่มีฟอง ไม่มีน้ำหอมจะได้ไม่ระคายเคืองขึ้นมาอีก
*เวลาล้างก็แค่เอาน้ำลูบ ไล้ๆ เจลใสหรือโฟมที่ไม่มีฟองเหล่านี้เบาๆ ทั่วหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอย่างเบามือ แค่นี้ก็สะอาดแล้วล่ะค่ะ
*หลังล้างหน้าให้ซับเบาๆ ไม่เช็ด ไม่ถู ผิวจะได้ไม่หยาบกร้านและไม่ต้องใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหรอกนะคะ หากล้างหน้าเสร็จแล้ว คุณรู้สึกลื่นๆ เหมือนไม่เกลี้ยง ซับหน้าเบาๆ ด้วยผ้าขนหนู ไม่ต้องไปวิตกจริตว่ามันจะลงไปอุดตันทำให้เกิดสิวหรอกนะคะ ถ้าจะเป็นสิวก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดจากฮอร์โมนเพศในตัวคุณเอง
*โดยธรรมชาติ ผิวหนังกำพร้าของคนเราจะหลุดลอกออกมาเองทุกวัน ก็จะพาเอาแป้ง เอาฝุ่นให้หลุดลอกออกมาด้วย ไม่ต้องออกแรงถู ไม่ต้องเสียเงินซื้อคลีนเซอร์ โทนเนอร์ ชุดล้างหน้าแพงๆ มาใช้หรอกนะคะ เสียดายเงิน สงสารประเทศไทยกันบ้าง ต้องเสียเงินออกนอกประเทศไปกับเครื่องสำอางค์แพงๆ เหล่านี้
*คุณจะใช้สบู่เหลวของเด็กขวดละ 70 บาทหรือชุดล้างหน้าสุดหรูยี่ห้อดังชุดละ 7,000 บาท หน้าก็สะอาดใสได้เท่ากันค่ะ ที่เคยผิดพลาดกันมานานก็ถือว่าแล้วกันไป ถือเป็นความผิดโดยสุจริตก็แล้วกันนะคะ
*โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าเบาๆ เช้าครั้งเย็นหน ใช้สบู่เหลว เจลใสหรือโฟมไร้ฟอง ลูบไล้เบาๆ เอาแค่พอลื่นๆ ไม่ต้องสะอาดเอี่ยมอ่องนะคะ แล้วก็ซับหน้าเบาๆ ไม่ต้องเช็ด ไม่ต้องถู อะไรที่เคยใช้เช็ดๆ ถูๆ ผิวหน้า กลับบ้านไปโยนทิ้งได้เลยค่ะ