tag:blogger.com,1999:blog-75969430275522337062024-02-22T14:14:35.670+07:00fashiondukdikความรู้ ความสวยงามดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comBlogger123125tag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-7564657793105339242011-04-17T17:42:00.002+07:002011-04-17T17:58:18.347+07:00วิธีเลือก...ชุดชั้นในคุณแม่ตั้งครรภ์<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjqkA6bIDXxvWrr62dFtJctpICESSABbx6dcwCZANdvkMVeSJTQCIzhr_SC6YJxbpDBNZVYiW9_cOgtiZUvQYJAqu7Ltb7_cTKZuy54q3kcbvm8NAMOPDnykzY1eGYImxUWBUFOqDycg/s1600/1-59.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 280px; height: 374px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjqkA6bIDXxvWrr62dFtJctpICESSABbx6dcwCZANdvkMVeSJTQCIzhr_SC6YJxbpDBNZVYiW9_cOgtiZUvQYJAqu7Ltb7_cTKZuy54q3kcbvm8NAMOPDnykzY1eGYImxUWBUFOqDycg/s400/1-59.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5596501548810571714" /></a><br /><br />ชุดชั้นในคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ถือเป็นหนึ่งส่วนที่สำคัญสำหรับคุณแม่ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ในช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์แบบนี้ควรจะเลือก ชุดชั้นในคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ใส่สบายที่สุด เพราะว่าหากเลือกชุดชั้นในคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ดีจะทำให้เกิดอาการปวดหลังและปวดเอวได้<br /><br />2 วิธีเลือก ชุดชั้นในคุณแม่ตั้งครรภ์<br /><br />1. เลือกให้ใส่สบาย<br /><br />ในช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนและรูปร่างของคุณแม่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัดเหงื่อออกง่ายและมีระดูขาวมากกว่าปกติ กางเกงในสำหรับยามท้องจึงควรเป็นผ้าผ้ายเพราะเนื้อผ้าสวมใส่สบายซึมซับเหงื่อและระดูขาวได้ดี ซึ่งหากสวมใส่กางเกงในที่ระบายอากาศไม่ดีอาจเกิดการอับชื้นจนเป็นสาเหตุของเชื้อราได้<br /><br />2. เลือกให้เหมาะกับร่างกาย<br /><br />- บิกินนี่<br /><br />ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ (หน้าท้องยังขยายไม่ใหญ่มากนัก) คุณแม่บางคนจะเคยชินกับการใส่กางเกงในเอวต่ำและกังวลว่าตอนท้องจะต้องใส่กางเกงในตัวใหญ่ๆ หรือรูปแบบที่ไม่ถูกใจ ช่วงอายุครรภ์น้อยๆแบบนี้อาจเลือกใช้กางเกงในแบบบิกินี่ที่ขอบเอวจะอยู่ใต้ท้องจะทำให้คุณแม่รู้สึกสบาย ไม่อึดอัดหรือรัดแน่นช่วงหน้าท้อง แถมยังเรียกความมั่นใจและความเซ็กซี่กลับคืนมาได้อีกด้วย<br /><br />- กางเกงในพยุงครรภ์<br /><br />คุณแม่อายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป หน้าท้องจะเริ่มขยายใหญ่และมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดอาการปวดหลังและปวดเอวตามมาได้ ช่วงนี้จึงควรเลือกกางเกงในพยุงครรภ์ เพราะตัดเย็บมาสำหรับคุณแม่ท้องโดยเฉพาะด้วยการออกแบบที่ตัดต่อรอบใต้ท้องด้วยผ้า 2 ชั้น ซึ่งมีความยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ตามสรีระหรือหน้าท้องที่ขยายใหญ่ขึ้น<br /><br />นอกจากนี้กางเกงในพยุงครรภ์ยังช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดเอว เพราะสามารถช่วยโอบอุ้มท้องและแบกรับน้ำหนักท้องทำให้คุณแม่เดินสะดวกยิ่งขึ้นและรู้สึกสบายเมื่อได้สวมใส่<br /><br />- กางเกงในหลังคลอด<br /><br />เพราะคุณแม่ท้องส่วนใหญ่จะกังวลกับปัญหาหน้าท้องไม่ยุบ สะโพกใหญ่ ไขมันส่วนเกินมักต้องการหุ่นที่เฟิร์มเหมือนตอนก่อนตั้งครรภ์ ลองเลือกใช้กางเกงในหลังคลอดที่มีลักษณะเหมือนสเตย์ เนื่องจากการออกแบบให้มีซิปด้านข้างทำให้คุณแม่สวมใส่ได้ง่ายและยังมีคุณสมบัติช่วยกระชับกล้ามเนื้อและไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี<br /><br />นอกจากการเลือกกางเกงในให้เหมาะสมกับอายุครรภ์และสไตล์ของคุณแม่แต่ละคนแล้ว การรักษาความสะอาดของกางเกงในและจุดซ่อนเร้นก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าดูแลรักษาไม่ดีเชื้อโรคและเชื้อราต่างๆ ก็อาจมาเยือนได้เช่นกัน<br /><br /><center><iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/FmDtFgDwwu8" title="YouTube video player" width="480"></iframe></center>ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-84954800698082034662010-11-06T16:55:00.004+07:002010-11-06T16:59:24.998+07:00ชะลอ...ความชราด้วยตนเอง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3-2GNif3qK72xnvgu6ZZsWwLQiVjyob5j2KfxUkBlI_wXGxVP__F-BJDHO3eQkL8TZBqknxAk5sjaf7lr5EhQKJMgrIcSY-w4bnZdOWH7XimbBGeGGJoDkACmWyxcV2hRLjMFqraptQ/s1600/oldmate.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 240px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3-2GNif3qK72xnvgu6ZZsWwLQiVjyob5j2KfxUkBlI_wXGxVP__F-BJDHO3eQkL8TZBqknxAk5sjaf7lr5EhQKJMgrIcSY-w4bnZdOWH7XimbBGeGGJoDkACmWyxcV2hRLjMFqraptQ/s400/oldmate.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5536373367618464290" /></a><br />ทำไมเมื่ออายุมากขึ้นผิวพรรณจึงร่วงโรยและเกิดริ้วรอย คำถามนี้เกิดขึ้นในใจเมื่อถึงวัยวัน คณะทำงานจึงภูมิใจเสนอข้อมูลชะลอความชราสำหรับ หนุ่มสาว ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก<br /><br />มูลเหตุที่เร่งให้เราแก่ขึ้น เราคงทราบแล้วว่าอนุมูลอิสระเป็นตัวทำลายความเป็นหนุ่มเป็นสาวของเรา โดยอนุมูลอิสระตัวร้ายถูกเร่งให้เกิดจากแสงแดด จ้าที่เข้มข้นด้วย รังสี UV เกินปกติ จากความบกพร่องของบรรยากาศของโลกที่ถูกทำลาย มลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม การสูบบุหรี่และสารปนเปื้อน ในอาหารที่เรารับประทานทุกวัน อนุมูลอิสระเหล่านี้จะส่งผลทำลายผิวหนังในขั้นกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือ คอลลาเจน และอีลาสติน ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวหนังดูเต่งตึง และมีความยืดหยุ่นดี ซึ่งจะถูกทำลายให้บางลง และสูญเสียความ ชุ่มชื้น ทำให้ผิวพรรณดูแห้งกร้าน ไม่เรียบเนียน และผิวหนังมีการยุบและทรุดตัวลงเกิดริ้วรอยของความชรา ทำความรู้จักวิธีการชะลอความชรา<br /><br />การเอาใจใส่ดูแลผิวพรรณอย่างใกล้ชิดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชะลอการเกิดริ้วรอย และไม่จำเป็นต้องเริ่มเมื่อคุณเข้าสู่วัยชราด้วย เพราะเมื่อมีริ้วรอย เกิดขึ้นแล้วก็ยิ่งต้องหาทางป้องกันและรักษาไม่ให้ผิวเสียมากขึ้นด้วยวิธีการต่อไปนี้ จะช่วยรักษาผิวสวยของคุณไว้ได้<br /><br /><strong>*การเติม Collagen และ Elastin ที่ขาดหายไปจากเซลล์ผิว</strong><br />โดยการเติม Collagen และ Elastin อันเป็นส่วนประกอบของ ผิวหนังเอาไว้ ซึ่งจะเริ่มเสื่อมสลายลงไปเมื่อมีอายุ 25-30 ปี ปัจจุบันมีการค้นคว้าหาแหล่งธรรมชาติที่จะเพิ่มส่วนประกอบนี้ และเราต้องขอขอบคุณ นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยจนพบว่า Marine Protein ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดพิเศษที่ได้จากปลาทะเลลึก มีส่วนสำคัญ ในการทดแทนองค์ประกอบ สำคัญของผิวหนังเอาไว้<br /><br /><strong>*การรับประทานสารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ</strong><br />สารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระเปรียบเสมือนวีรบุรุษที่เกิดจากธรรมชาติช่วยกำจัดตัวการสร้าง อนุมูลอิสระให้หมดฤทธิ์เงียบหายไป ไม่สามารถทำลายเซลล์ชั้นผิวหนัง ซึ่งได้แก่ เบต้าคาโรตี วิตามินซี วิตามินอี และโดยเฉพาะ OPC สารสกัด จากเมล็ดองุ่น ซึ่งเป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดอนุมูลอิสระ (Super Antioxidant) มีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อคอลลาเจน และอีลาสตินที่ปกป้องจากการถูกทำลาย<br /><br /><strong>*การรักษาความชุ่มชื้นไว้กับเซลส์ผิว</strong><br />การสูญเสียความชุ่มชื้นจากเซลส์ผิว ทำให้เกิดความหยาบกร้าน และริ้วรอย การเลือกใช้ครีม ที่ให้ความชุ่มชื้น (Moisturizer) โดยเฉพาะครีมที่ให้ความชุ่มชื้นชนิดพิเศษ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า Moisturizer โดยทั่วไปสังเกตได้จากส่วนผสม ที่มีส่วนประกอบประเภท ไฮโดรไลซ์ อีลาสติน, AHA, โปรคอลลาเจน, โซเดียม พีซีเอ เป็นต้น<br /><br />ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บางสูตรที่นำสารเหล่านี้มารวมกัน ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก บางท่านอาจใช้วิธีรับประทานตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับ ผิว เช่น น้ำมันจากดอกอิฟนิ่ง พริมโรส หรือวิตามิน อี ที่ได้จากแหล่งธรรมชาติจากจมูกข้าวสาลี (Wheatgerm Oil)<br /><br /><strong>*ปกป้องผิวสวยจากแสงแดด</strong><br />การใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูง ในการป้องกันแสงแดดจ้าอย่างในบ้านเรา ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ให้ เลือกมากมาย สังเกตได้ว่ามีส่วนผสมของ Tatannuium Dioxide จึงช่วยสะท้อนกลับรังสีได้ดี บางผลิตภัณฑ์อาจมีการผสมกับน้ำมันจากดอกอิฟนิ่ง พริมโรส ก็ช่วยบำรุงให้ผิวให้ดูขาวสดใสเพิ่มขึ้นอีกด้วย<br /><br /><strong>*การผลัดเซลล์ผิว</strong><br />ผิวพรรณของเรามีการผลัดเซลล์ผิวใหม่ทุก 4 สัปดาห์ แต่ในผิวชราจะมีการผลัดเซลส์ผิวที่ช้าลง จึงมีเซลส์ผิวที่ ตายแล้วสะสมบนผิวหน้าของเราทำให้ดูหมองคล้ำหยาบกร้าน และเหี่ยวย่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากผลไม้อย่าง AHA จะช่วยเร่งการผลัด เซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่เพิ่มขึ้น<br /><br />สูตรสำเร็จชะลอความชรา การดูแลผิวพรรณต้องใช้หลายวิธีประกอบกันหลายอย่างดังที่กล่าวมา การยืดเวลาให้กับนาฬิกาจึงต้องใช้การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกายและการคลายความเครียด การทำให้จิตใจให้เบิกบาน และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หากคุณได้เลือกเทคนิคดังกล่าว มาใช้บ้าง คุณจะเป็นเจ้าของสุขภาพผิวงามตราบนานเท่านาน<br /><br />จาก...วารสารการศึกษานอกโรงเรียน<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-88879780155225983012010-09-14T19:23:00.004+07:002010-09-14T19:31:21.390+07:00คลิปวีดีโอ สอนแต่งหน้า แต่งตาสาววัยรุ่น<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpVGU865V16RzxjaiT4_YHecJa11k2YbfeBPDcsHWao4CnTSX6D4P7ao2QxnKGTCngp9osm-60qAhQTsNOXkni0WlWj75f8Ww2flFsYsVmOgWy6twYiyZpl7MX2aQ0nzTE6ZWWLSKHpQ/s1600/taayaa_eyes_0_out.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 210px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpVGU865V16RzxjaiT4_YHecJa11k2YbfeBPDcsHWao4CnTSX6D4P7ao2QxnKGTCngp9osm-60qAhQTsNOXkni0WlWj75f8Ww2flFsYsVmOgWy6twYiyZpl7MX2aQ0nzTE6ZWWLSKHpQ/s400/taayaa_eyes_0_out.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5516744877039010498" /></a><br /><br /><center><object width="420" height="300"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/NsYDK6McZZo?fs=1&hl=en_US"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/NsYDK6McZZo?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="420" height="300"></embed></object></center><br /><br /><strong>อุปกรณ์:</strong><br /><br />อุปกรณ์แต่งหน้า โทนสี ม่วง-น้ำเงิน, ขนตาปลอม, มาสคราร่า, ที่ปัดแก้ม, ลิปสติกสีอ่อน<br /><br /><strong>วิธีทำ:</strong><br /><br />1. ลงสีขอบตาก่อน แล้วตามด้วยโทนสีต่างๆ ที่ใกล้เคียงกัน<br /><br />2. ติดขนตาปลอม<br /><br />3. ลงสีลิปสติก สีอ่อน (ดูรายละเอียดได้ในคลิปวีดีโอ)<br /><br /><center><object width="420" height="300"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2hbAEiTqBO4?fs=1&hl=en_US"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/2hbAEiTqBO4?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="420" height="300"></embed></object></center>ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-32213973539638211492010-07-31T17:33:00.005+07:002010-07-31T17:46:50.396+07:00อยากจะบอกให้รู้ว่า นี้คืออุทาหรณ์สอนใจหญิง...<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSjeGJefNYTFCXml-0P_lfWy5x0f4MksMGAW9PvnV2XMYiG-PVZNn5QZnQC95dmZMarnFUjlNYTBwKQANjRlex79XtWyQIGz7HaCmRCbKGLiNgax9ClelHY6mC-lY50jnDsPYscNhqNw/s1600/1205573746-500.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 305px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSjeGJefNYTFCXml-0P_lfWy5x0f4MksMGAW9PvnV2XMYiG-PVZNn5QZnQC95dmZMarnFUjlNYTBwKQANjRlex79XtWyQIGz7HaCmRCbKGLiNgax9ClelHY6mC-lY50jnDsPYscNhqNw/s400/1205573746-500.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5500017525546349330" /></a><br /><strong>เป็นเรื่องของน้องสาวแท้ๆของผมเอง ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงจบโท MbA จากอเมริกาจะตกอยู่ในชะตากรรมแบบนี้</strong><br /><br />เรื่องมีอยู่ว่า...หลังจากจับได้ว่าแฟนที่ทำงานอยู่ในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในโอไฮโอหลอกฟันน้องใหม่ที่ทำงานด้วยกันได้ระยะหนึ่ง น้องเอ(นามสมมติ) จึงตัดสินใจเลิกกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาเกือบ 7 ปี และตัดสินใจว่าจะไม่ไว้ใจผู้ชายที่ไหนอีกแล้ว ถึงแม้ว่าแฟนหนุ่มจะขอคืนดีด้วยและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก แต่น้องเอไม่ให้อภัย<br /><br />หลังจากกลับมาทำงานที่ประเทศไทยชีวิตน้องเอประสบความสำเร็จแทบทุกด้าน เพราะความที่มีดีกรีจบจากนอก และยังเป็นสาวสวย หุ่นดี ฉลาดปราดเปรียว มีชายหนุ่มหน้าตาดี ร่ำรวยหลายนายมาตามติดพัน แต่น้องเอยังไม่กล้ารับรักใครซักคนเพราะยังเจ็บปวดจากแผลเดิม เธอคิดว่า รักกับใคร่ ผู้ชายส่วนมากหลงใหลกับความใคร่มากกว่า<br /><br />วันหนึ่งฝนตกหนัก รถเธอเสียจำเป็นต้องจอดทิ้งไว้ที่ทำงาน เธอแย่งเรียกแท็กซี่กับคนอื่นๆด้วยความยากลำบากโดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าแท็กซี่คนนั้นจะขับพาเธอออกนอกเส้นทางเพื่อลวงเธอไปข่มขืนในเวลาต่อมา<br /><br />เธอถูกทำร้ายแต่โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทันที่ข้างทางด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ และเข้ามาในจังหวะที่พอดี จึงทำให้เธอประทับใจหนุ่มร่างสูงคนนั้นเข้าอย่างจัง<br /><br />และเหมือนเป็นฟ้าประทานคนดีๆมาให้เธอ บ้านของเขาอยู่ห่างบ้านเธอเพียงไม่กี่ซอย เธอคิดว่าช่างบังเอิญที่ได้พบเขาหลายครั้งในวันต่อๆมา ชายหนุ่มมีฐานะไม่ร่ำรวยกว่าเธอแต่เป็นคนขยันเอาการเอางาน รวมทั้งเข้าอกเข้าใจนิสัยผู้หญิงเป็นอย่างดี ไม่นานนักเขาก็สามารถพิชิตใจน้องเอได้และได้เสียกันในเวลาต่อมา<br /><br />น้องเอเคยคิดว่าจะไม่มีอะไรกับผู้ชายคนไหนอีกจนกว่าจะแต่งงาน หลังจากที่เลิกกับแฟนเก่า ดังนั้นน้องเอจึงเล่าให้ชายหนุ่มที่รักและไว้ใจฟังว่าเธออยากแต่งงานกับเขา ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธแต่ขอเวลาตั้งตัว 1 ปี<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWYmFcnLLs_2xas44NtvcPr9kbn3whcxTojYorZBbZLeQlblFNS5Nrrkhlo4JwXLp6uu0eLNUiFqs8GOJxEkno-KBO3U2w6vgdxi8xwONED7H3_lc-Xey4aVKELZG_Y7w-MPNAeAbmzQ/s1600/177074.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 384px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWYmFcnLLs_2xas44NtvcPr9kbn3whcxTojYorZBbZLeQlblFNS5Nrrkhlo4JwXLp6uu0eLNUiFqs8GOJxEkno-KBO3U2w6vgdxi8xwONED7H3_lc-Xey4aVKELZG_Y7w-MPNAeAbmzQ/s400/177074.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5500017348535220946" /></a><br />นับวันความรักและความไว้ใจในตัวหนุ่มคนรักจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งน้องเอได้รับเมล์จากเพื่อน เป็นภาพน้องเอร่วมรักกับแฟนหนุ่มที่บ้าน ด้วยความตกใจและกังวลคิดอะไรไม่ออก ที่พึ่งก็คือแฟนหนุ่มคนเดียวเพราะเรื่องนี้น้องเอจะให้พ่อแม่รู้ไม่ได้ จึงรีบโทรศัพท์นัดแนะกับแฟนหนุ่มเพื่อที่จะไปหาทันที<br /><br />คืนนั้นหญิงสาวได้แต่ร้องไห้เมื่อรู้ว่าภาพนั้นเป็นฝีมือที่คนรักได้ตั้งกล้องอัตโนมัติไว้ถ่ายเองเพื่อเก็บไว้ดูเล่น แต่ถูกน้องชายขโมยไปโชว์เพื่อนจนในที่สุดก็โลดแล่นอยู่ในอินเตอร์เน็ต<br /><br />น้องเอรับน้ำส้มจากแฟนหนุ่มมากินไปร้องไห้ไป ไม่ถึง 10 นาทีก็รู้สึกแปลกๆตัวและหน้าร้อนจัด อึดอัดที่หน้าอก และอยากมีเซ็กให้ได้ แฟนหนุ่มเข้ามากอดเธอและช่วยให้เธอสมหวัง แล้วเธอก็สะลึมสะลือหลับไป<br /><br />ขณะครึ่งหลับครึ่งตื่นเธอได้ยินเสียงแฟนหนุ่มคุยโทรศัพท์... เริ่มไหวตัวแล้วเฮีย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะอัดยาให้มันอีกตอนส่งตัวไปที่ห้องไอ้พวกนั้นมันจะได้อยากเยอะๆ, เออ มันดันเห็นรูปในเน็ตซะก่อน แต่ไม่ต้องห่วงสินค้าดีๆแบบนี้ไม่พลาดหรอก, พูดภาษาอังกฤษคล่องเลย ผมเคยฟังมันพูดกับ......<br /><br />โดยไม่รอฟังจนจบน้องเอรู้แต่ว่าต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อ่อนแรงที่ขา หล่อนล้มลงทำของบนโต๊ะหล่น คนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นแฟนรักเดินเข้ามารวดเดียวถึงตัวเธอแล้วฉีดยาให้ 1 เข็ม น้องเอพยายามดิ้นแต่ไม่มีแรง น้ำยาสีน้ำเงินวิ่งเข้าเส้นเลือดอย่างน่ากลัวแล้วความรู้สึกเจ็บปวดก็ตามมา จากนั้นเธอก็เริ่มร้อนอยากมีsex อีก ผู้ชายที่เธอเคยรักและไว้ใจที่สุดยืนมองเธอดิ้นทุรนทุรายอยู่เบื้องหน้าแล้วออกไป<br /><br />สักพักก็มีผู้ชายอีก 2 คนเข้ามาข่มขืนเธอแล้วฉีดยาแบบเดิมให้เธออีกครั้ง จากนั้นเธอก็ถูกพาตัวไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งแถวนานา เธอทั้งกลัว ทั้งเจ็บ ทั้งแค้น แต่ฤทธิ์ยาทำให้เธอไม่มีแรง มีแต่ความปรารถนาทางกาย ก่อนที่เธอถูกนำไปส่งให้พวกแขกในห้อง เธอถูกฉีดยาอีก 1 เข็มและถูกขู่ว่ารูปที่เธอมีsexด้วยความเต็มใจในวันนี้ทั้งหมดจะถูกนำไปวางตามท้องตลาดถ้าเธอไปแจ้งตำรวจ<br /><br />หลังจากวันนั้นน้องเอได้แต่กลัวผู้คนภายนอกไม่สามารถคุยกับใครและสบตาใครได้อย่างเดิม ไม่นานภาพที่พวกมันเก็บไว้ก็ออกมาเป็นที่ฮือฮาของพวกวัยรุ่นที่ได้รับ forword mail มาเป็นทอดๆโดยคิดว่าเป็นเรื่องสนุก และเป็นภาพสมยอมของผู้หญิงร่าน<br /><br />ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยชอบสะสมและ forword mail ทำนองนี้ไปให้เพื่อน แต่วันนี้มาเจอกับน้องสาวตัวเองเข้า ถึงได้รู้ว่ามันเจ็บเพียงไหน<br /><br />พวกมันทำงานเป็นทีม ผมสู้คดีแต่แพ้ไป 3 รอบเพราะมีนักการเมืองหนุนพวกมันอยู่ เราถูกขู่ฆ่าทั้งครอบครัวอยู่ครับ<br /><br />ช่วยกันหยุดการย่ำยีผู้หญิงดีๆเถอะครับ เมื่อเจอกับครอบครัวตัวเองผมจึงได้รู้ วอนทุกท่านอย่าสนับสนุนสื่อลามกและการขายตัวเลยครับ เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ด้วย<br /><br />อุทาหรณ์สอนหญิง จงย้ำเตือนตนเองเสมอ<br /><br /><strong>อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง...</strong><br /><br />ปล. เรื่องราวนี้...อยากจะบอกให้รู้ว่า นี้คืออุทาหรณ์จริงๆๆๆ...ผมได้รับจากที่เพื่อนๆส่งเมล์ต่อๆมา อ่านแล้วระวังตัวด้วยนะครับ<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-90704613776170112072010-07-30T15:21:00.021+07:002010-08-19T22:32:04.295+07:00บนเส้นทาง...กว่าจะมาเป็น "พยาบาล"<object width="420" height="300"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2glbdyXSw50?fs=1&hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/2glbdyXSw50?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="420" height="300"></embed></object><br /><strong>กบนอกกะลา - พยาบาล1 23.7.10 1/3 – 3/3</strong><br /><br><br /><object width="420" height="300"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Is0Ven-xhOE?fs=1&hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Is0Ven-xhOE?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="420" height="300"></embed></object><br /><strong>กบนอกกะลา - พยาบาล2 30.7.10 1/3 – 3/3</strong><br /><br><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiahTFbqNysxqG-1pZlE6eIyaxWYz9voJ6cDteMhSFLNU-qnmkMPW9qHCODPZVOS8eRooT79bJkYBGKvZi2wsM9OjZeBSAOVYFIEmYjjhG2XF728gAei0sv4cDZbJYQCB_7_TLWA2XYxw/s1600/kob.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 230px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiahTFbqNysxqG-1pZlE6eIyaxWYz9voJ6cDteMhSFLNU-qnmkMPW9qHCODPZVOS8eRooT79bJkYBGKvZi2wsM9OjZeBSAOVYFIEmYjjhG2XF728gAei0sv4cDZbJYQCB_7_TLWA2XYxw/s400/kob.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5499611784299304386" /></a><br /><a href="http://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2&hl=th&prmd=v&source=lnms&tbs=vid:1&ei=eH5STKSzOMXCrAeWhJneAQ&sa=X&oi=mode_link&ct=mode&ved=0CAsQ_AU" target="_blank">คลิกซ้ายที่นี่... เลือกดู "กบนอกกะลา" ย้อนหลังทุกๆตอน</a><br /><br><br /><strong>"พยาบาล..เส้นทางแห่งความเสียสละ"</strong><br /><br><br />นาทีแห่งความเจ็บปวดด้วยโรคร้ายหรือความป่วยไข้ หรือนาทีเป็นนาทีตายแห่งชีวิตของผู้คนจากอุบัติเหตุเภทภัย แสงสว่างจากเครื่องแบบสีขาว คือความหวังที่จะต่อลมหายใจ ความหวังนั้นไม่ได้มีเพียงแพทย์เท่านั้น เพราะการเยียวยารักษาพยาบาลความป่วยไข้ ผ่าตัด หรือช่วยชีวิต จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากไม่มีบุคคลสำคัญที่ เรียกว่า "พยาบาล"<br /><br />"พยาบาล" เป็นได้ทั้งชายและหญิง เพียงแต่ควรจะสูงกว่า 150 ซ.ม. และน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 40 ก.ก. ไม่เช่นนั้น การดูแลช่วยเหลือคนไข้อาจทำได้ไม่สะดวกและไม่มีประสิทธิภาพ เพราะมีหน้าที่หลักสำคัญ คือ การดูแลช่วยเหลือคนไข้ในทุกๆเรื่อง เป็นทั้งแขนขาเวลาที่คนไข้ไม่สามารถขยับเขยื้อนเองได้ เป็นเหมือนปากเวลาที่คนไข้พูดไม่ได้ ดื่มน้ำ หรือกินข้าวเองไม่ได้ และเป็นเหมือนดวงตา เวลาที่คนไข้มองไม่เห็น ขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนอวัยวะต่างๆของหมอ เพราะมีหน้าที่กระทำการทุกอย่างตามที่แพทย์วินิจฉัย ตั้งแต่ฉีดยา ทำแผล เจาะเลือด ให้น้ำเกลือ ฯลฯ จนถึง ปั๊มหัวใจ เพื่อรักษาชีวิต<br /><br />"พยาบาล" คือผู้ที่มีวิชาความรู้ในการดูแลมนุษย์ทุกคน ตั้งแต่ก่อนเกิด คือเมื่อแม่ตั้งครรภ์ จนกระทั่งคลอดลูก เรียนรู้วิธีการดูแลทารกแรกเกิด ดูแลเด็กจนเติบโต ดูแลผู้ใหญ่ในฐานะผู้ป่วย ไปจนถึงคนเฒ่าคนแก่ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ในยามที่เรียกว่า ไม้ใกล้ฝั่ง จนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้ายแห่งชีวิต จึงจะพ้นจากภาระหน้าที่ความรับผิด- ชอบของผู้ที่ได้ชื่อว่า "พยาบาล" และ<br /><br />"พยาบาล" คือผู้ที่ต้องสลับผลัดเปลี่ยนกันปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะความเจ็บไข้ได้ป่วย คลอดลูก อุบัติเหตุ อาชญากรรม ไปจนถึงวินาศภัย เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา "พยาบาล" จึงต้องพร้อมเสมอสำหรับการทำหน้าที่ในห้องฉุกเฉิน ห้องคลอด และห้องผ่าตัด นอกเหนือจากการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคนป่วยที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งวันทั้งคืน<br /><br />"พยาบาล" จึงไม่ใช่เพียงการประกอบอาชีพ เพื่อการมีรายได้ แต่ยังเป็นวิชาชีพ ที่ต้องพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์แห่งความหดหู่ โศกเศร้า และกดดันกับนาทีเป็นนาทีตายของทุกชีวิต และพร้อมที่จะเสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อการดูแลช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยความเมตตา<br /><br />ขอขอบคุณ : http://www.tvburabha.com/<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-23265666181398892902010-06-04T22:09:00.022+07:002010-11-06T17:06:53.362+07:00สวยใส เป็นธรรมชาติ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWdhzOf7jTKyCBpTNzLQVxb7UiGHQuGEXNXRTyukmPzam2Zdp1aL09KaqNbpyWxuyg6pWOC9trK1lj3Whc1m1GJ6uy4DeG0MNwX02O7FADzfjtptG_UzvjGtDo2j27Ew7FlQkxaJOuKg/s1600/DSC00267.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWdhzOf7jTKyCBpTNzLQVxb7UiGHQuGEXNXRTyukmPzam2Zdp1aL09KaqNbpyWxuyg6pWOC9trK1lj3Whc1m1GJ6uy4DeG0MNwX02O7FADzfjtptG_UzvjGtDo2j27Ew7FlQkxaJOuKg/s400/DSC00267.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5478936236738135650" /></a>ขอบคุณคนงาม presenter: คุณ วรรษา ภู่ทองเกษ ห้องตรวจยาย เอ๊ย...ห้องตรวจตา อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 5 โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรุงเทพมหานคร 02-517-4270ถึง9 ต่อ 7524 ท่านที่มีปัญหาเรื่อง "ตา" เชิญ ขอคำแนะนำเบื้องต้นได้นะจ๊ะ...เรื่อง "ยาย" มะเกี่ยวเน้อ ต้องห้องสูตินู่น...<br />*<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgC-W0rghl1WMB0TqzPskyxPYxcLyZxmOFBGTqrC_BaKzeFHjvUAIsEe6KY2W5rGc-7P38JK_uAOJabdgbGFvytykTOdBcRkdHjXJ-jvqpjJOnvfyNGluoWAuovhWWEv-8B8vgM3bYKXA/s1600/wansa2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 268px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgC-W0rghl1WMB0TqzPskyxPYxcLyZxmOFBGTqrC_BaKzeFHjvUAIsEe6KY2W5rGc-7P38JK_uAOJabdgbGFvytykTOdBcRkdHjXJ-jvqpjJOnvfyNGluoWAuovhWWEv-8B8vgM3bYKXA/s400/wansa2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5478936044610651890" /></a><br /><strong>สวยใส เป็นธรรมชาติ...</strong><br /><br />มีเทรนด์ใหม่ในการแต่งหน้าที่เป็นธรรมชาติ แค่แต่งแต้มสีสันบนใบหน้าแบบบางๆ ก็ช่วยให้คุณดูสวยสดใสได้ค่ะ<br /><br /><strong>เริ่มจากรองพื้น:</strong> ก่อนลงรองพื้นให้ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด จากนั้นเลือกรองพื้นที่เข้ากับสีผิวของคุณทาเพียงบางๆ โดยเกลี่ยให้ทั่วทั้งใบหน้าเพื่อปกปิดริ้วรอยค่ะ<br /><br /><strong>แต่งตา:</strong> ลงสีเปลือกตาด้วยอายแชโดว์ โดยไล่น้ำหนักของสีจากหางตาไปถึงหัวตา สำหรับเทรนด์การลงสีตาในช่วงนี้ จะลงสีเข้มที่หางตาแล้วค่อยๆไล่สีมาเรื่อยๆ จนถึงกลางเปลือกตาเท่านั้นทำให้ดวงตาดูมีสีสัน ไม่จืดชืด จากนั้นให้เขียนขอบตาด้วยพู่กันปลายเล็ก ควรเลือกสีน้ำตาลเข้มเพื่อช่วยให้ตาดูโตขึ้น ลักษณะการลงเส้นขอบตาของคนตาเล็ก ก็ให้ลงเส้นใหญ่หน่อย เพื่อช่วยให้ตาดูโตขึ้น ส่วนคนที่ตาโตดูสวยอยู่แล้ว ก็แค่กรีดเส้นเล็กๆไปตามเส้นดวงตาเป็นการเน้นให้ตาดูคมขึ้น<br /><br /><strong>สีคิ้ว:</strong> เพื่อความเป็นธรรมชาติของสีคิ้วแนะนำให้ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลกับแปรงปลายตัด เขียนคิ้ว โดยลงไม่ต้องเข้มมากจนเกินไป คุณอาจจะใช้ดินสอสีน้ำตาลแดงเขียนคิ้วซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้คิ้วดูคมและโฉบเฉี่ยวขึ้นค่ะ<br /><br /><strong>ปัดแก้ม:</strong> ปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาด วิธีการปัดนั้นให้ปัดเฉพาะตรงช่วงโหนกแก้ม ซึ่งจะทำให้สีไม่สดจนเกินไป แถมยังทำให้คุณดูเป็นสาวที่มีสุขภาพผิวที่ดี สดใสด้วยค่ะ<br /><br /><strong>ทาปาก:</strong> อย่าลืมตบท้ายด้วยการทาลิปสติกนะคะ<br />*<br /><object width="420" height="300"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/GGFdcMgr4Q0&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/GGFdcMgr4Q0&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="420" height="300"></embed></object><br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-61206907743538838292010-06-04T22:04:00.013+07:002010-11-06T17:09:15.805+07:005 ขั้นตอน ง่ายๆ สู่ผิวสวยใส<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFS-jlkT2Xva4t49LXWLvIUu79_VcMqSBqgmbynEvnnjavM1dwq_kJuiFq5lqiocuT3h1zS079bsZxIj3NNND0vWEEdqErekrMagvRzxAQ9KfS2ezK9WXy-Qc3LpIBrsvpUrZayjdpfw/s1600/DSC00266.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFS-jlkT2Xva4t49LXWLvIUu79_VcMqSBqgmbynEvnnjavM1dwq_kJuiFq5lqiocuT3h1zS079bsZxIj3NNND0vWEEdqErekrMagvRzxAQ9KfS2ezK9WXy-Qc3LpIBrsvpUrZayjdpfw/s400/DSC00266.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5478935113051734850" /></a>ขอบคุณคนงาม presenter: คุณ วรรษา ภู่ทองเกษ ห้องตรวจยาย เอ๊ย...ห้องตรวจตา อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 5 โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรุงเทพมหานคร 02-517-4270ถึง9 ต่อ 7524 ท่านที่มีปัญหาเรื่อง "ตา" เชิญ ขอคำแนะนำเบื้องต้นได้นะจ๊ะ...เรื่อง "ยาย" มะเกี่ยวเน้อ ต้องห้องสูตินู่น...<br />*<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj912KDeyW4HorWG4zzYNglY-ahXRzy7hn3a6fMROeXqzE7pI8OjQ3F4WNTMsRjw0lhDxRsxfNcEaj7M4qQV5I8YSCeUPJ6GgJeyFoYVFLCgCz3HlS-4Juj5oSjnR6wdMj8hyphenhyphenyPyjChzw/s1600/wansa1.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 270px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj912KDeyW4HorWG4zzYNglY-ahXRzy7hn3a6fMROeXqzE7pI8OjQ3F4WNTMsRjw0lhDxRsxfNcEaj7M4qQV5I8YSCeUPJ6GgJeyFoYVFLCgCz3HlS-4Juj5oSjnR6wdMj8hyphenhyphenyPyjChzw/s400/wansa1.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5478935342594276642" /></a><br /><strong>5 ขั้นตอน ง่ายๆ สู่ผิวสวยใส...</strong><br /><br />1. ขัดผิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์ขัดลอกที่อ่อนโยนต่อผิว ควรขัดลอกผิวอาทิตย์ละ 2 ครั้ง<br /><br />2. เพิ่มความชุ่มชื้น ถ้าผิวแห้ง ควรทาด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ และใช้ครีมที่มีความมันมากในเวลากลางคืน ถ้าผิวมันควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ 2-3 นาทีก่อนแต่งหน้า<br /><br />3. เอามือให้ห่างจากหน้า อย่าเอามือจับขนตา เท้าคาง เพราะอาจจะเพิ่มความสกปรกให้กับหน้าโดยไม่จำเป็น<br /><br />4. ทำความสะอาดใบหน้า สำหรับคนที่แต่งหน้าเมื่อเสร็จจากงาน ควรล้างหน้าทันที<br /><br />5. เมื่อเป็นสิว ถ้าคุณเป็นสิวมากแนะนำให้ไปหาแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ อย่าจัดการปัญหาสิวด้วยตัวเองนะคะ<br /><br />เป็นไงคะ วิธีการรักษาใบหน้าของคุณ ถ้าทำได้ครบทั้ง 5 วิธี คุณก็จะมีผิวสวยใส ได้ไม่ยากเลยค่ะ<br />*<br /><a href="http://image.ohozaa.com/show.php?id=10f8c7878f058f6f7e21e3dd7a962c57" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/it/wansanurse.gif" /></a>ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-54674188416976196582009-07-07T19:50:00.002+07:002010-06-01T13:42:33.348+07:00สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงสวยน้อยลง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKw5Jk-XZERscTKkeKp64S8uilffBHRtci8tTcCk8ta97gV7QTbMHE1c-7SUv99CrrNFTG9uiqFC7EbEAMPXxo3E1PklTKYAoKeG7f66cDASGq-NqyhMTPLnRU7rSGSqJ60HIUBgT0Cg/s1600-h/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A21.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 286px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKw5Jk-XZERscTKkeKp64S8uilffBHRtci8tTcCk8ta97gV7QTbMHE1c-7SUv99CrrNFTG9uiqFC7EbEAMPXxo3E1PklTKYAoKeG7f66cDASGq-NqyhMTPLnRU7rSGSqJ60HIUBgT0Cg/s400/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A21.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5355700083042234690" /></a><br /><strong>สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงสวยน้อยลง</strong><br /><br />วันนี้มีเรื่องนี้มาฝาก...ทราบหรือไม่ว่า สิ่งไหนที่ทำให้ผู้หญิงสวยน้อยลง<br /><br /><strong>1. สูบบุหรี่</strong><br />นอกจากจะทำให้เกิดริ้วรอยยับย่นบริเวณรอบปาก บุหรี่ยังไปขัดขวางการไหลเวียนของเส้นเลือด ทำให้ปริมาณออกซิเจนผ่านไปยังเซลล์ผิวได้ไม่เพียงพอ ผิวจึงหมองคล้ำ ถ้าไม่สามารถสูบบุหรี่ให้น้อยลงได้ ควรบำรุงผิวด้วยการรับประทานวิตามินซีเป็นประจำ<br /><br /><strong>2. มลภาวะ</strong><br />สิ่งแวดล้อมเป็นพิษที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น จึงควรตื่นเช้าไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะหรือเข้ายิม เพื่อเพิ่มพลังให้ร่างกายต้านอนุมูลอิสระ แล้วทาครีมที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ เพื่อเป็นการปกป้องผิวปิดท้าย<br /><br /><strong>3. อากาศแห้ง</strong><br />ผิวหนังจะสูญเสียน้ำ ความชื้น และแห้งแตกราวกับเป็นเพื่อนรักกับจระเข้ ทางที่ดีหมั่นทาครีมบำรุงผิว และหาสเปรย์น้ำแร่มาฉีดเติมน้ำให้ผิวบ้าง<br /><br /><strong>4. การเพิ่ม/ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว</strong><br />ผิวก็เหมือนอีลาสติก ยืดๆ หดๆ บ่อยเข้าก็เหี่ยวและเสียความยืดหยุ่นเป็นธรรมดา พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ไม่ควรลดน้ำหนักด้วยการทานยา เพราะผลจากโยโย่เอฟเฟ็คท์จะทำให้น้ำหนักพุ่งพรวด ผิวแตกลาย และเกิดเซลลูไลท์<br /><br /><strong>5. การถูหรือขัดที่ผิวหน้าแรงๆ</strong><br />ต้องห้าม จำไว้ว่าการแต่งหน้า หรือบำรุงผิว ต้องทำอย่างเบามือ และอ่อนโยนที่สุด ลงทุนใช้แปรงปัดแก้มที่ทำจากขนสัตว์ ฟองน้ำเนื้อดี เพื่อป้องกันรอยยับย่น<br /><br /><strong>6. สะอาดเกินไป</strong><br />สาวอนามัย ทั้งล้าง ทั้งขัดใบหน้าจนขึ้นเงา การเสียดสีผิวมากเท่าไร ผิวก็ยิ่งหยาบกร้านได้มากเท่านั้น แถมมีโอกาสแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย<br /><br /><strong>7. แอลกอฮอล์</strong><br />หลังจากร่างกายเสพแอลกอฮอล์เข้าไป จะส่งผลให้ผิวแห้งจากภายในมาสู่ภายนอก ตับทรุด และทำลายวิตามินบีในร่างกาย<br /><br /><strong>8. ยา</strong><br />ยาบางชนิดมีผลข้างเคียง ทำให้ผิวแห้ง หรือไปกระตุ้นฮอร์โมนทำให้ผิวมันกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรถามเภสัชกรทุกครั้งว่า ยาที่รับประทานมีผลอะไรต่อร่างกายอีกบ้าง<br /><br /><strong>9. ท้องผูก</strong><br />อาการท้องผูกยังทำให้สารพิษต่าง ๆ สะสมไว้ในร่างกายและผิวพรรณ ดังนั้น ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ รับประทานผัก ผลไม้ อยู่เสมอ<br /><br /><strong>10. แสงแดด</strong><br />เป็นตัวการทำลายผิวอยู่เป็นประจำ ด้วยยูวีเอ จะเข้าไปทำให้เกิดริ้วรอย ส่วนยูวีบี จะส่งผลให้เกิดการไหม้ แสบ ร้อน<br /><br />ผู้หญิงคนไหนที่อยากสวย ก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงสิ่งที่แนะนำให้มากที่สุด เพื่อความสวยที่ยาวนาน<br />*<br />*<br /><object codebase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,0,0" height="21" width="430" classid="clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000"><param value="transparent" name="wmode" /><param value="http://i181.photobucket.com/albums/x234/narut28/533.swf" name="movie" /><param value="high" name="quality" /><param value="#FFFFFF" name="bgcolor" /></object></p><p align="center" /><table style="FILTER: glow(color:#150015"><tbody><tr><td><font color="#ffffff"><b>ชีวามาลา - จั่นทิพย์ สุถินบุตร</b></font></td></tr></tbody></table><p align="center"><br /><font face="tahoma,arial,helvetica,sans-serif" color="#ff0099"><strong>ลมโชยโบกมาหอมกลิ่นมาลาน่าชื่นใจ<br />ลมโบกโกรกไหวไกวแกว่ง<br />หลายพันธุ์มากมีแย้มบานงามดีสีนวลแซม<br />สอดแกมสีแดงแซมม่วง<br /><br />มาลีดอกใดสวยสดชื่นใจได้ชื่นชม<br />เคยเก็บเสียบผมจนร่วง<br />ฉันชมว่างามเดี๋ยวเดียวพลันทรามช้ำโรยร่วง<br />ดอกใบทั้งปวงโรยได้<br /><br />คิดหวนครวญใคร่ทั่วไปหาใดแน่<br />กลับกลายเปลี่ยนแปรทุกวันไป<br />ดอกไม้ยังโรยเหี่ยวโหยโรยไป<br />เราทิ้งทันใดหล่นอยู่ในกลางดิน<br /><br />คนเราเกิดมาแม้นเปรียบมาลาก็เช่นกัน<br />มีแต่แปรผันกลายสิ้น<br />นิจจาเปลี่ยนแปรเดี๋ยวเจ็บและแก่ผันแปรอาจิณ<br />ร่างกายฝังดินสิ้นเอย<br /><br />คิดหวนครวญใคร่ทั่วไปหาใดแน่<br />กลับกลายเปลี่ยนแปรทุกวันไป<br />ดอกไม้ยังโรยเหี่ยวโหยโรยไป<br />เราทิ้งทันใดหล่นอยู่ในกลางดิน<br /><br />คนเราเกิดมาแม้นเปรียบมาลาก็เช่นกัน<br />มีแต่แปรผันกลายสิ้น<br />นิจจาเปลี่ยนแปรเดี๋ยวเจ็บและแก่ผันแปรอาจิณ<br />ร่างกายฝังดินสิ้นเอย</strong></font></p><p />ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-76629233656532096022009-07-04T22:18:00.000+07:002009-07-04T22:27:42.585+07:00อย่ามัวแต่จับหน้าอก...<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiV9qAkj-lwzqYB6uN9wrLIV9_iW8OaNHT5pbKvUEmTwYSDP0-Eo7-hwNUSuZS3HLjYdljxJKdiTKJscEivjX120J6h-jMkweYdE79vIvZhrpj7zhP-UWoYpYLPJrRH_NahuDIh_7wlOg/s1600-h/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 269px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiV9qAkj-lwzqYB6uN9wrLIV9_iW8OaNHT5pbKvUEmTwYSDP0-Eo7-hwNUSuZS3HLjYdljxJKdiTKJscEivjX120J6h-jMkweYdE79vIvZhrpj7zhP-UWoYpYLPJrRH_NahuDIh_7wlOg/s400/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354624804341188802" /></a><br /><strong>อย่ามัวแต่จับหน้าอก...</strong><br /><br />นอกจากการคลำหน้าอกหามะเร็งเต้านมแล้ว ยังมีอีกหลายจุดในร่างกาย ที่เราสามารถตรวจโรคต่างๆ นานาด้วยตัวเอง<br /><br /><strong>*ลิ้น</strong> ให้แลบลิ้นมาจนสุด ถ้ามีจุดสีขาว สีเหลือง หรือสีส้ม กระจายอยู่ทั่วลิ้น นั่นแปลว่าคุณอาจมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไปแล้ว และอาจกำลังจะเป็นกรดไหลย้อน ทีนี้มื้อต่อๆ ไปก็แค่กินรสเผ็ดให้น้อยลงหน่อย หรือไม่ก็ลองกินยาลดกรดแต่ปรึกษาหมดก่อนก็ดีนะ<br /><br /><strong>*รักแร้</strong> เมื่อไหร่ที่ผิวน้องจั๊กกะแร้เริ่มสากและดำขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เป็นไปได้ว่าคุณมีฮอร์โมนอินซูลินในเลือดมากเกินไป และนั่นคืออาการของโรคเบาหวาน ให้รีบไปตรวจเลือดดู จะได้รู้ว่าตกลงเราเป็นเบาหวานหรือใช้โรลออนมากไป<br /><br /><strong>*หนังศีรษะ</strong> ถ้าคุณไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมเลย แต่ก็ยังเจอผมร่วงเยอะ จนผมเริ่มบางผิดปกตินั่นอาจเป็นผลของต่อมไทรอยด์ผิดปกติ รีบไปปรึกษาหมอ เพื่อวัดระดับการทำงานของต่อมไทรอยด์ ถ้ามีอะไรผิดปกติจะได้รีบรักษา<br /><br /><strong>*ขนหน้าท้อง</strong> ถ้าจู่ๆ ขนอ่อนๆ ที่ท้องน้อยที่เคยบางๆ พอเซ็กซี่ กลับเส้นหนา หรือ ดกขึ้น นี่คือสัญญาณหนึ่งของโรค Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS) หรือ การมีถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้นขนเลยดกและหนาขึ้นนั้นเอง รีบไปหาหมอสูตินารีแพทย์ของคุณ<br /><br /><strong>*ตา</strong> ไม่ได้อดนอนแต่ใต้ตาดำปิ๊ดเป็นหมีแพนด้า คุณอาจจะกำลังเป็นภูมิแพ้อยู่ก็ได้ เพราะเวลาร่างกายเราเปิดรับสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ จะเกิดปฏิกิริยาปล่อยฮิสตามีน และที่อาการปรากฏให้เห็นได้ชัดก็คือ เกิดเป็นรอยคล้ำๆ ในบริเวณที่ผิวบางที่สุด ก็คือผิวใต้ดวงตา<br /><br />ตามไปดู...บทความที่เกี่ยวข้อง<br /><a href="http://fashiondukdik.blogspot.com/2009/03/40-7-7.html"target="_blank">มะเร็งเต้านม และคลิปวิธีตรวจเต้านมด้วยตัวเอง</a><br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-41367804076395421752009-07-04T22:07:00.000+07:002009-07-04T22:08:38.019+07:00เช็ค! ชุดชั้นในด่วน ต้นเหตุปวดคอ หลัง ไหล่<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi1YP7_cCkCKo65rF9TOaLsLejv7bFrMAsD5Uu85aQRy2if1kAP588jFcBzNGYDeusn5iJKEIB1S1cIse5HBTdg5rInmROUQfmI1GndgZn9v4cIxyFhgGTpClmaFt4oYlnsRn-q3Z6E6g/s1600-h/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 177px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi1YP7_cCkCKo65rF9TOaLsLejv7bFrMAsD5Uu85aQRy2if1kAP588jFcBzNGYDeusn5iJKEIB1S1cIse5HBTdg5rInmROUQfmI1GndgZn9v4cIxyFhgGTpClmaFt4oYlnsRn-q3Z6E6g/s400/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354621868982297378" /></a><br /><strong>เช็ค! ชุดชั้นในด่วน ต้นเหตุปวดคอ หลัง ไหล่</strong><br /><br />ผู้หญิงคนไหนมีอาการปวดหลัง ไหล่ ต้นคอ โดยไม่รู้สาเหตุลองมาสำรวจการใส่ชุดชั้นในกันดูว่าใส่ไม่เหมาะสมกับสรีระหรือไม่!!<br /><br />ชุดชั้นในเป็นอีกชุดหนึ่งที่ส่งให้รูปร่างผู้หญิงสวยงามได้ แต่การใส่ชุดชั้นในจะส่งผลเสียต่อสุขภาพทันที ถ้าชุดนั้นไม่เหมาะสมกับสรีระ<br /><br />"ชุดชั้นในที่ดีเวลาใส่แล้วต้องห่อหุ้มเต้านมทั้งหมด ใส่แล้วไม่มีเนื้อออกมาและไม่เห็นร่องหน้าอก ไม่คับและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าใส่คับเกินไปจะทำให้ปวดไหล่ ปวดหลัง และอาจลามไปถึงปวดต้นคอได้ บางรายหนักถึงขั้นเป็นไมเกรน นอกจากนี้ยังอาจทำให้เป็นโรคเชื้อราตามมา มีอาการคัน เพราะอากาศถ่ายเทไม่สะดวก"<br /><br />เพื่อสุขภาพหน้าอกหน้าใจที่ดี การเลือกชุดชั้นในให้ยึดหลัก "3 ถูก" คือ <br />1.ถูกขนาด <br />2.ถูกกาลเทศะ <br />3.ถูกสุขภาพ<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-28822809699225619652009-07-04T21:14:00.000+07:002009-07-04T21:47:24.896+07:00บริหารคอ เพิ่มพลัง บรรเทาปวด<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjArVGBMWtIJ5zaV2vSjQhehrp5T4PnnHB7DgpEJCv9Vtl0dIdswKgifCQ0o5cZ3yUAj_Swdbu58TCaEF9jx-PQvCK7jjldyJln6ISdJ5OHr7WQZbR-iLXMxm37H4n8fFwNXSEOngq39w/s1600-h/%E0%B8%84%E0%B8%AD0.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 260px; height: 150px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjArVGBMWtIJ5zaV2vSjQhehrp5T4PnnHB7DgpEJCv9Vtl0dIdswKgifCQ0o5cZ3yUAj_Swdbu58TCaEF9jx-PQvCK7jjldyJln6ISdJ5OHr7WQZbR-iLXMxm37H4n8fFwNXSEOngq39w/s400/%E0%B8%84%E0%B8%AD0.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354608382386040898" /></a><br /><strong>บริหารคอ เพิ่มพลัง บรรเทาปวด</strong><br /><br />อาการปวดเมื่อยบริเวณคอ มักจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆคน โดยอาการดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากการทำงาน เช่น นั่งหลังค่อมหดลำคอจ้องจอคอมพิวเตอร์ ก้มหน้าอ่านหนังสือเป็นเวลานาน หรือการเอียงคอเพื่อให้ศีรษะหนีบโทรศัพท์แทนการถือด้วยมือ<br /><br />พฤติกรรมดังกล่าว หากทำบ่อยๆ จะส่งเสียต่อกล้ามเนื้อบริเวณคอ และเกิดอาการปวดเมื่อย คุณผู้อ่านจึงควร ลด ละ เลิก พฤติกรรมดังกล่าว และหันมาบริหารคอ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณคอ ตามคำแนะนำต่อไปนี้...<br /><br /><strong>ยืดเหยียดคอ</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiDnhUujX6BO3TuGgEApeU1Cqx2VrMnMOUafweApRLlrnkfJj1KiAOiK3_ix7ghdQhqozQvqqqPRmk84RpeimH1zThONjjHuvhukE8tKpQN8VWO2idHqe4nx1pouAWBigr4uwBIImaW7g/s1600-h/%E0%B8%84%E0%B8%AD1.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 210px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiDnhUujX6BO3TuGgEApeU1Cqx2VrMnMOUafweApRLlrnkfJj1KiAOiK3_ix7ghdQhqozQvqqqPRmk84RpeimH1zThONjjHuvhukE8tKpQN8VWO2idHqe4nx1pouAWBigr4uwBIImaW7g/s400/%E0%B8%84%E0%B8%AD1.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354608947679125394" /></a><br />ท่าที่ 1 ตั้งคอตรง และเอียงคอลงไปทางซ้ายสลับขวา<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZeETPJLbfCjMegDDt4iLwNVkFBSZ7Dserg9Op0Y15tuQhTsH0prtexCJl-uOnH21gGZHK9BftptP0l0NjGeacwX0pj-TOMfUznv_qEVNItifMWz0RcKGLskfR62H_H-P4ogi4tFXn-w/s1600-h/%E0%B8%84%E0%B8%AD2.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 263px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZeETPJLbfCjMegDDt4iLwNVkFBSZ7Dserg9Op0Y15tuQhTsH0prtexCJl-uOnH21gGZHK9BftptP0l0NjGeacwX0pj-TOMfUznv_qEVNItifMWz0RcKGLskfR62H_H-P4ogi4tFXn-w/s400/%E0%B8%84%E0%B8%AD2.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354610435929844994" /></a><br />ท่าที่ 2 หันคอไปทางด้านซ้ายสลับขวา<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1OtxJePNUhl7paEy7kWL-GidgOZLZEzJkNg3QKlQMuGp2Br1Q6GPpUp9yotcqydScBxinVSjH5B_jlCmP1HUd2u9iOpl6bSXKdxJMXluINEZtdOSphtL9-mMZwAxCT9Hh5MZWiJUbdg/s1600-h/%E0%B8%84%E0%B8%AD3.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 217px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1OtxJePNUhl7paEy7kWL-GidgOZLZEzJkNg3QKlQMuGp2Br1Q6GPpUp9yotcqydScBxinVSjH5B_jlCmP1HUd2u9iOpl6bSXKdxJMXluINEZtdOSphtL9-mMZwAxCT9Hh5MZWiJUbdg/s400/%E0%B8%84%E0%B8%AD3.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354610727637966930" /></a><br />ท่าที่ 3 ตั้งคอตรง เงยหน้าเอียงคอไปข้างหลัง กลับมาตั้งคอตรง และก้มหน้า เอียงศีรษะลงพื้น<br /><br /><strong>เสริมความแข็งแรงของคอ</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoVq-BJD5foqC277wOFMyH0WHeQhNUw2eEXjXXcAwvVwxpvPUW4Lv65wB2bEXaKEEv_ewkGLgIixQ2lh9IMCjRc80SaH1MkY8NE93-Kawd8gxOgeeSh9T-wGPGGbg4TD9IKzYuqyrDUQ/s1600-h/%E0%B8%84%E0%B8%AD4+5.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 159px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoVq-BJD5foqC277wOFMyH0WHeQhNUw2eEXjXXcAwvVwxpvPUW4Lv65wB2bEXaKEEv_ewkGLgIixQ2lh9IMCjRc80SaH1MkY8NE93-Kawd8gxOgeeSh9T-wGPGGbg4TD9IKzYuqyrDUQ/s400/%E0%B8%84%E0%B8%AD4+5.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354611052260485058" /></a><br />ท่าที่ 4 ตั้งคอตรง ใช้ฝ่ามือข้างใดข้างใดข้างหนึ่ง วางที่หน้าผาก ก้มศีรษะไปด้านหน้า โดยให้ฝ่ามือดังกล่าวเป็นตัวต้าน เสริมความแข็งแรงให้คอด้านหน้า<br /><br />ท่าที่ 5 เสริมความแข็งแรงของคอด้านหลัง ด้วยการประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่ด้านหลังศีรษะ เงยหน้ากดศีรษะไปด้านหลัง ให้มือทั้งสองออกแรงต้าน<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKKZIceRhNhuX5bdd3HBmiVvsPQ8lIuKW_y5yZOayTaYemrjNxrg92JbaQt_utyHjNw53EHSDkfUZEhmVKT81zXBu9ux0UUD7R6LFAFL-9cn5gSXtdwU65DOcEx0Voz8cr_9F2wQL55Q/s1600-h/%E0%B8%84%E0%B8%AD7.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 148px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKKZIceRhNhuX5bdd3HBmiVvsPQ8lIuKW_y5yZOayTaYemrjNxrg92JbaQt_utyHjNw53EHSDkfUZEhmVKT81zXBu9ux0UUD7R6LFAFL-9cn5gSXtdwU65DOcEx0Voz8cr_9F2wQL55Q/s400/%E0%B8%84%E0%B8%AD7.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354611564980725954" /></a><br />ท่าที่ 6 ตั้งคอตรง วางฝ่ามือเหนือใบหู เอนคอไปด้านข้าง ให้ฝ่ามือช่วยต้าน แล้วสลับทำอีกด้าน เพื่อเสริมความแข็งแรงคอด้านข้าง<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidnofARvLWjJzEv0l8J8v47T_kex9CgarwGzg8CKRChnVJnOqioeFab-8XpBoC0VwnbqUPSoiZjYCwwavm421hyphenhyphenozMfa-_vThuYJafzBwXlvoiF8141OvBA7Ns4mU-A1sFvPtu-NNkxQ/s1600-h/%E0%B8%84%E0%B8%AD6.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 159px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidnofARvLWjJzEv0l8J8v47T_kex9CgarwGzg8CKRChnVJnOqioeFab-8XpBoC0VwnbqUPSoiZjYCwwavm421hyphenhyphenozMfa-_vThuYJafzBwXlvoiF8141OvBA7Ns4mU-A1sFvPtu-NNkxQ/s400/%E0%B8%84%E0%B8%AD6.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354611315467416050" /></a><br />ท่าที่ 7 เสริมความแข็งแรงให้กับคอด้านข้างในลักษณะหัน ด้วยการวางฝ่ามือที่แก้มใกล้ใบหู ออกแรงหันหน้าต้านฝ่ามือ ทำสลับอีกด้าน<br /><br /><strong>ข้อควรรู้...</strong>การบริหารคอในท่าต่างๆ ข้างต้น ควรทำค้างแต่ละท่าราว 20 วินาที และไม่บริหารคอด้วยความรุนแรง เพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บได้<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-49437694786389749432009-07-04T18:03:00.000+07:002009-07-04T18:05:28.232+07:00เสริมสวยให้น้อง...<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWSp0YyX8oQb8CGNx1BcbgymY0YO7-snyyBFvHYWFmyFBqUk_s_oQHB_kuEdLpxRpbYFz75Pnsu3tiHfeEb6ar3PZDpZS5FTn22JX6XgcKzPqT64rREG-nxYG8337I_gi5XPUo_C6dyg/s1600-h/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99.bmp"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 277px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWSp0YyX8oQb8CGNx1BcbgymY0YO7-snyyBFvHYWFmyFBqUk_s_oQHB_kuEdLpxRpbYFz75Pnsu3tiHfeEb6ar3PZDpZS5FTn22JX6XgcKzPqT64rREG-nxYG8337I_gi5XPUo_C6dyg/s400/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99.bmp" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354559062094143746" /></a><br /><strong>เสริมสวยให้น้อง...</strong><br /><br />กําลังอินเทรนด์อยู่ยามนี้ สําหรับแฟชั่นพิลึก<br /><br />เจาะน้อง หรือเจาะเพื่อประดับตกแต่งสิ่งแปลกปลอมทั้งหลายให้กับอวัยวะพึงสงวน หลายคนอยากรู้ว่าที่มา ที่ไป และวัตถุประสงค์ในการทําคืออะไร มามะจะเฉลยให้ฟัง โดยได้รับการเอื้อเฟื้อข้อมูลจาก พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ชื่อดัง<br /><br /><strong>*เจาะ</strong> หมายถึง เจาะใส่ตุ้ม ใส่ห่วง บริเวณแคมเล็ก แคมใหญ่ หรือบางคนเจาะที่ตัวช่องคลอด<br /><br />ข้อเสีย…มีปัญหาตั้งแต่การเจาะซึ่งมักเจาะกันเอง หรือมีร้านรับทําให้ จึงอาจไม่สะอาด มีโอกาสติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เชื้อไวรัสเอดส์ หรือเชื้อโรคชนิดต่างๆ อาจเกิดฝี เกิดการอักเสบลุกลามเข้าไปในช่องคลอด ปากมดลูก โพรงมดลูก ปีกมดลูก อุ้งเชิงกราน<br /><br />รักษาหายก็อาจทําให้มีบุตรยาก ปวดมดลูก ปวดประจําเดือน ปวดท้องเรื้อรังตามมา รักษาไม่หายก็ต้องตัดมดลูกทิ้ง นอกจากนั้นการมีเพศสัมพันธ์ก็มักจะเจ็บปวด เพราะมีของแปลกปลอมอยู่ อาจเกิดการบาดเจ็บ ตามมาด้วยการอักเสบติดเชื้อซ้ำๆ<br /><br /><strong>*ตัด</strong> หมายถึง ตัดขลิบแล้วเย็บ นิยมทําส่วนของแคมเล็ก โดยตัดให้เล็กลง หรือตัดให้แคมเล็กสองข้างเล็กเท่าๆ กัน ข้อดีคือ เป็นไปตามความเชื่อว่าแคมเล็กยิ่งเล็กหมายถึงเป็นสาวพรหมจรรย์ ส่วนข้อเสีย นอกจากเสี่ยงแพ้ยาชา ยาสลบ มีปัญหาอักเสบติดเชื้อจากการผ่าตัด เสียเงินเสียทองทั้งตอนผ่าตัดครั้งแรกและการผ่าตัดแก้ไขแล้ว<br /><br />ยังมีความเชื่อว่าแคมเล็กยิ่งเล็กยิ่งดีไม่เป็นความจริง ขนาดของแคมเล็กนั้นเป็นไปตามเผ่าพันธุ์ุ และส่วนมากสองข้างจะไม่เท่ากันเหมือนอวัยวะอื่นๆ ของคนเรา เช่นมือเท้าตาหูสองข้างจะไม่เท่ากันทีเดียว แคมเล็กมีเส้นประสาทมาเลี้ยงมาก การตัดออกทําให้ความรู้สึกดีๆ ในการมีเพศสัมพันธ์ลดลง นอกจากนั้นหากมีแผลเป็นจากการผ่าตัด ก็อาจทําให้การมีเพศสัมพันธ์เจ็บปวดได้<br /><br /><strong>*ซ่อม</strong> หมายถึงซ่อมทําสาวที่ช่องคลอด ตัดเนื้อส่วนเกินออกและเย็บช่องคลอดใหม่ ข้อดี...หากช่องคลอดหลวมมาก การซ่อมที่ว่าทําให้หายหลวมอย่างรวดเร็วที่สุด ข้อเสีย…เสี่ยงแพ้ยาชายาสลบ เสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อของแผล ซ่อมเสร็จแล้วอาจไม่เป็นไปตามความต้องการคือกลายเป็นเล็กไปใหญ่ไป เสียเงินทั้งซ่อมครั้งแรกและแก้ไขครั้งต่อๆไป<br /><br />นอกจากนี้ยังมีปัญหาความเครียดจากการเสียตังค์เจ็บตัวแล้วไม่สมหวัง บางคนผิดหวังมากเพราะคิดว่าซ่อมแล้วจะเรียกสามีกลับบ้านได้ สามีกลับหายไปลับ หลังซ่อมแม้แผลหายดีแล้ว อาจเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งน้ำหล่อลื่นน้อยหรือสูงอายุ ซ่อมไปอาจมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้เลย ทางเลือกคือ เปลี่ยนจากซ่อมมาขมิบ แนะนําให้ขมิบอย่างน้อยวันละ 100 ครั้ง โดยทั่วไปสามเดือนจะเห็นผล<br /><br /><strong>*เสริม</strong> เป็นการตกแต่งจิ๋มที่กําลังมาแรงแซงโค้ง คือฉีดซิลิโคนเสริมเข้าไปทั้งเสริมโหนก เสริมในช่องคลอดส่วนที่เสริมในช่องคลอดอ้างว่าขยายจุดจี ให้มีความสุขทางเพศมากขึ้น ข้อดี...ใหญ่บริเวณที่ฉีดทันที ข้อเสีย…เสียเงิน เกิดปัญหาเหมือนการเจาะทุกประการ การที่ว่าเพื่อขยายจุดจีนั้นเป็นความเชื่อแต่ไม่เป็นความจริง เพราะจุดจีของคุณผู้หญิงบางคนก็ไม่มี ของบางคนก็ไม่แน่ว่าอยู่ตรงไหน<br /><br />สรุป…เสริมสวยจิ๋มนี้แพทย์ไม่แนะนํา เพราะเสียเงิน เจ็บตัว อันตราย อีกทั้งผลเสียมีมากกว่าผลดีมากๆ นอกจากนั้นยังมีคําแนะนําว่า หากมีคนคิดเสริมสวยจิ๋ม ทางที่ดีควรค้นหาปัญหาทางจิตใจ เพราะบางคนที่คิดอยากทําเพราะมีความทุกข์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หาทางออกไม่ได้ ซึมเศร้า ย้ำคิดย้ำทํา มีความคิดเบี่ยงเบนจากความจริง เก็บกดต้องการระบายออก ไม่มีอะไรจะทําฯลฯ มากกว่าอยากเสริมสวยจิ๋มจริงๆ<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-68545305593190827782009-07-04T17:23:00.000+07:002009-07-04T17:25:38.521+07:00ทำอย่างไรไม่ให้เท้าป่วย<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7BwTY3fX8Q5XKJ0mgUz59EY4IE2fcagKVp23DEmFt1rIzUOa-hkKlmxaZmDfJi6py9gl6zdq2GLfR4q1MeJsidtNeZKlM9Hh7B1iIRBTJ3ARVhddSiDbfZiODHv8nhwALi7mX3ECr-Q/s1600-h/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 383px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7BwTY3fX8Q5XKJ0mgUz59EY4IE2fcagKVp23DEmFt1rIzUOa-hkKlmxaZmDfJi6py9gl6zdq2GLfR4q1MeJsidtNeZKlM9Hh7B1iIRBTJ3ARVhddSiDbfZiODHv8nhwALi7mX3ECr-Q/s400/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354548764097897458" /></a><br /><strong>ทำอย่างไรไม่ให้เท้าป่วย</strong><br /><br />มาบำบัดรักษาเท้าของคุณด้วยการนวดกันเถอะ...<br /><br />เราใช้เท้าทุกวี่ทุกวัน โดยเฉพาะสาวๆ บางคนก็สวมรองเท้าส้นสูงทรมานเท้าเข้าไปอีก หรือบางคนถูกรองเท้าบีบรัดจนเป็นแผลพุพอง ดังนั้น เราจึงควรถนอมเท้าคู่ชีวิตของเราให้ใช้งานได้นานๆ ดีกว่านะคะ<br /><br /><strong>*เจล...ป้องกันเท้ามีปัญหา</strong><br />เราสามารถหาเกราะป้องกันเท้าไม่ให้บาดเจ็บ เป็นแผลพุพอง หรือมีปัญหาเอ็นร้อนหวาย โดยการใช้แผ่นเจลพลาสเตอร์หรือแผ่นป้องกันหนังพุพองปิดตรงตำแหน่งที่โดนกดทับบ่อยๆ ก็จะป้องกันไม่ให้เท้าเป็นแผลพุพองได้<br /><br /><strong>*แช่เท้าในน้ำอุ่นและน้ำเย็น</strong><br />ศัลยแพทย์กระดูกชาวเยอรมัน ดร.อันเดรอาสคาร์ล จากเมืองเบอร์ลิน กล่าวว่าการแช่เท้าในน้ำอุ่นสลับกับน้ำเย็นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยเท้า<br /><br />ข้อดี…ช่วยให้เท้าและตลอดร่างกายได้รับการผ่อนคลาย นอกจากนี้มันยังช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีที่เท้าและขา เพราะการใช้ขาตลอดทั้งวันก็อาจทำให้ปวดเมื่อยขา ซึ่งเราสามารถบำบัดได้ด้วยตนเอง<br /><br /><strong>*นวดเท้า</strong><br />การนวดเท้าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะจุดผ่อนคลายที่เท้าจะได้รับการบริหาร ข้อแนะนำก็คือ ควรใช้อุปกรณ์ที่ทำจากไม้จะดีที่สุด เช่น ลูกขนเม่นหรือที่นวดเท้าตะปุ่มตะป่ำที่เราสามารถกลิ้งฝ่าเท้าไปมาได้<br /><br />ข้อดี…เป็นการบริหารกล้ามเนื้อซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีที่เท้าและขา นอกจากนี้ การยืดเหยียดนิ้วเท้าก็จะช่วยให้ผ่อนคลายได้ โดยใช้ฝ่ามือกดนิ้วเท้าทั้ง 5 พับลงสักครู่แล้วหงายนิ้วเท้าขึ้นโดยการกดเข้าหาหลังเท้าสลับกัน จากนั้นกางนิ้วเท้าออก ควรทำทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน<br /><br /><strong>*เดินเท้าเปล่า</strong><br />เราควรเดินเท้าเปล่าเท่าที่ทำได้ เพราะมันคือการบำบัดรักษาเท้าได้เป็นอย่างดี และเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งเราสามารถทำเองได้<br /><br />ข้อดี…เป็นการบริหารกล้ามเนื้อ และเป็นการนวดฝ่าเท้า ซึ่งมันจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีและช่วยในการทรงตัว เราจึงควรฝึกเดินเท้าเปล่ากับพื้นชนิดต่างๆ เช่นทรายและก้อนกรวดกลมที่ไม่บาดเท้า โดยอาจจะตั้งกระบะไว้ที่บ้านและเดินย่ำไปมา<br /><br /><strong>*เล็บ...ขาวขึ้น</strong><br />บางคนมีเล็บเหลือง สีคล้ำ ลองใช้แปรงกับน้ำมะนาวขัดดูสิค่ะ<br /><br /><strong>*ยิมนาสติกเท้า</strong><br />เราควรบริหารเท้าสม่ำเสมอ เช่น ใช้นิ้วเท้าหนีบก้อนหินไปมาก็จะช่วยให้เท้ากระปรี้กระเปร่าขึ้น หรือใช้นิ้วเท้าหนีบเก็บผ้าเช็ดมือ สลับกันไปมาทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวา<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-3404036064275189132009-07-04T17:00:00.000+07:002009-07-04T17:02:42.240+07:00ดูแลจุดซ่อนเร้น ด้วย กระจกส่องจิ๋ม<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjk4xLasN8zSlQz6F3ob9ETbMIMIRpCpDVLoH43zHcboXyrid8xRaTPJTIljI0SmixY2bEYl0txAVa-H1o7LQzewrttYqwz8OjT0BdvArF4QMiwgpLL18IyDTe3shoqLC0jy7HbbdlbIQ/s1600-h/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%8B%E0%B8%A1.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 378px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjk4xLasN8zSlQz6F3ob9ETbMIMIRpCpDVLoH43zHcboXyrid8xRaTPJTIljI0SmixY2bEYl0txAVa-H1o7LQzewrttYqwz8OjT0BdvArF4QMiwgpLL18IyDTe3shoqLC0jy7HbbdlbIQ/s400/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%8B%E0%B8%A1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354542865145065074" /></a><br /><strong>ดูแลจุดซ่อนเร้น ด้วย กระจกส่องจิ๋ม</strong><br /><br />มะเร็งปากมดลูก…เป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย<br /><br />มะเร็งปากมดลูก…เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงไทยเสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน<br /><br />แม้จะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้หากพบในระยะแรก แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หญิงไทยมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคนี้ก็เป็นเพราะ “ความอาย” ของสาวๆ ที่จะไปตรวจภายในประจำปี<br /><br />อย่าว่าแต่จะไปขึ้นขาหยั่งให้หมอตรวจ จะมีสาวไทยสักกี่คนที่เคยก้มลงสำรวจจุดเร้นลับในร่างกายของตัวเองด้วยวัฒนธรรมอันเสงี่ยมหงิมของไทยที่สอนกันมาแต่เล็กว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องน่าอาย หรือไม่ควรพูดถึง<br /><br />มูลนิธิสร้างความเข้าเรื่องสุขภาพผู้หญิง จึงรณรงค์ให้สาวไทยหันมาเริ่มให้ความใส่ใจกับจุดเร้นลับของตัวเองเพื่อที่จะได้รู้เท่าทันเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นด้วย “กระจกส่องจิ๋ม”<br /><br />กระจกส่องจิ๋ม เป็นยังไง...มีประโยชน์ยังไง...และมันแตกต่างกับกระจกที่ใช้ส่องหน้ายังไง เรื่องนี้เฉลยโดย ณัฐยา บุญภักดี ผู้ประสานงานมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)<br /><br />“กระจกบานนี้จะเป็นสัญลักษณ์ที่เอาไว้เตือนใจว่า เรามีกระจกหลายบานเอาไว้ดูหน้า ดังที่ผู้หญิงจะถูกบอกให้รักสวยรักงาม แต่อวัยวะเพศซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันกลับถูกละเลย ผู้หญิงกลับถูกสอนให้ไม่ไปยุ่ง ไม่ไปสัมผัส ดูแล เพราะเป็นของต่ำ ทำให้ผู้หญิงโตขึ้นมาโดยลึกๆ แล้วรังเกียจอวัยวะเพศตัวเอง”<br /><br />ดังนั้นกระจกส่องจิ๋มจึงไม่ได้มีหน้าตาหรือลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากกระจกส่องหน้าทั่วไป ส่วนใครที่อยากได้กระจกบานนี้เอาไว้เตือนใจ ณัฐยาบอกว่าไม่ใช่ว่าจู่ๆ จะเอาไปเดินแจกเพราะคงไม่มีประโยชน์ แต่จะแจกพร้อมการทำเวิร์กชอป ที่ สคส.ได้เชิญชวนผู้หญิงมาพูดคุยทบทวนกันว่าแต่ละคนถูกบอกถูกสอนมาอย่างไรเกี่ยวกับอวัยวะเพศ และสร้างผลอย่างไรในปัจจุบันพร้อมทั้งทำความรู้จักอวัยวะเพศหญิงให้ลึกซึ้ง เอารูปทางการแพทย์มาดูกันเพื่อเป็นการทำความคุ้นเคย และลดความอายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้<br /><br />“ผู้เข้าร่วมหลายคนพูดเลยว่าเพราะถูกสอนมาจึงทำให้ไม่ไปยุ่งกับส่วนเร้นลับของร่างกาย มีผู้หญิงอายุ 50 ปีแล้ว บอกว่ายังไม่เคยก้มดูของตัวเองให้ชัดๆ เลย ยิ่งเรื่องไปตรวจเช็คสุขภาพมะเร็งปากมดลูก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง”<br /><br />การที่เราไม่เคยสำรวจจุดซ่อนเร้นของตัวเอง ทำให้เราขาดการเอาใจใส่ด้านความสะอาด ทำความสะอาดผิดวิธี ใช้น้ำยาที่ไม่มีความจำเป็น และตระหนกตกใจเวลามีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้น เช่น ตกขาว และกลิ่นผิดปกติ ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่เพราะเราไม่เคยสังเกตเท่านั้นเอง<br /><br />ไม่ว่าจะกระจกส่องจิ๋ม หรือว่าการเวิร์กชอป จะทำให้เห็นความสำคัญของการดูแลเอาใจใส่ส่วนเร้นลับของตัวเองมากขึ้นและไม่อายเวลาที่ต้องไปตรวจภายใน หรือเมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ไม่อายที่ต้องไปปรึกษาหมอ<br /><br />เห็นได้จากทุกครั้งที่ทำเวิร์กชอปเสร็จ คนจะมีกำลังใจพากันไปตรวจมะเร็งปากมดลูก ซึ่งทำให้ณัฐยาปลื้มใจว่ากระบวนการรณรงค์ได้ผล ทำให้ผู้หญิงรู้จักร่างกายตัวเอง และมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องมากขึ้นนั่นเอง<br /><br /><strong>7 ขั้นตอน ตรวจภายในด้วยตนเอง</strong><br /><br />การเช็คสุขภาพใกล้ตัว อย่างการตรวจภายใน มักเป็นสิ่งที่ถูกผัดวันประกันพรุ่งอยู่เสมอ เรามีวิธีง่ายๆ ในการตรวจภายในด้วยตัวเอง ก่อนจะเดินทางไปตรวจกับคุณหมอมาฝากกัน<br /><br />1. ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มตรวจ จากนั้นจัดท่าของตัวเองว่าจะนั่งหรือนอนอย่างไรให้เห็นอวัยวะเพศของตัวเองได้ดีที่สุด<br /><br />2. หากระจกที่สามารถใช้ถือมา 1 บาน<br /><br />3. ใช้มือข้างหนึ่งที่ถนัดแยกแคมใหญ่ออกจากกัน มองและคลำดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ก้อน ตุ่มแข็ง ตุ่มน้ำ แผลรอยบวม หรือมีบริเวณที่สีเปลี่ยนไป<br /><br />4. ใช้นิ้วแยกแคมเล็กออกจากกัน ตรวจหาความผิดปกติต่างๆ ตรวจดูที่บริเวณรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีอาการบวมแดงหรือมีแผลหรือไม่<br /><br />5. ใช้นิ้วมือสองนิ้วสอดเข้าไปในช่องคลอด กดแยกหนังช่องคลอดออกจากกัน สังเกตตกขาว ถ้าเป็นสีขาวขุ่นเป็นมูกเหนียวหรือมูกใส มีกลิ่นคาวเล็กน้อย แสดงว่าปกติ แต่ถ้ามีลักษณะคล้ายคราบนมที่เด็กแหวะออกมา และมีอาการคันแสดงว่าอาจมีเชื้อราหรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด ถึงเวลาที่ต้องไปพึ่งคุณหมอสูติฯ แล้ว<br /><br />6. ใช้นิ้วมือคลำบริเวณส่วนล่างของแคมใหญ่ทั้งสอง โดยใช้นิ้วมือหนึ่งอยู่ในช่องคลอด และอีกนิ้วหนึ่งอยู่ที่ส่วนล่างของแคมใหญ่ ดูว่ามีก้อนคล้ายถุงน้ำบริเวณนั้นหรือเปล่า เพราะเป็นตำแหน่งของต่อมที่สร้างมูกออกมาช่วยหล่อลื่นในช่องคลอดซึ่งท่อที่ปล่อยมูกนี้เจอปัญหาอุดตันได้บ่อย ถ้าคลำได้เป็นก้อนนิ่มๆ ก็อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้อักเสบเป็นหนองได้<br /><br />7. สุดท้ายตรวจบริเวณฝีเย็บและรูทวารว่ามีก้อนเนื้อที่เรียกว่า ริดสีดวงทวารหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบปรึกษาหมอว่าจะมีวิธีรักษาอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะลำบากเวลาขับถ่าย<br /><br />หากตรวจแล้วพบสัญญาณไม่ดี อย่างรอยแดง อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคบางชนิด เช่นปากช่องคลอดอักเสบหรือมะเร็งปากช่องคลอด หรืออาการบวม อาจเกิดจากแมลงกัดต่อย หรือเป็นสัญญาณเตือนของโรคไต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีไฝหรือจุดสีคล้ำ ดำ ก็ควรหมั่นสังเกตว่าจุดเหล่านี้ เข้มขึ้นหรือใหญ่ขึ้นหรือเปล่า มีตุ่มน้ำ อาจเกิดจากเริมหรือผิวหนังอักเสบที่อวัยวะเพศได้ และสัญญาณสุดท้ายมีก้อนเนื้อ ซึ่งอาจเป็นเนื้องอก หรือเกิดจากการอักเสบ<br /><br />แม้จะรู้ขั้นตอนต่างๆ แล้ว การไปพบคุณหมอสูติฯ เพื่อตรวจภายในปีละครั้ง ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคน อย่ามัวแต่อายเพราะกันไว้ก่อนก็ยังดีว่าตามรักษากันภายหลัง!<br /><br />สำหรับผู้ที่สนใจ “กระจกส่องจิ๋ม” สามารถติดต่อขอรับได้ที่มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง โทร. 02-591-1224<br /><br />ที่มาจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-49311728447687276322009-07-04T16:57:00.000+07:002009-07-04T16:59:36.442+07:00รักแร้เนียนๆ เกลี้ยงเกลาไร้ขน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj69LL-X57IN_v2NK-6iuCm_TRRKPqERDq-7eH5LfR1uc4L8MAvzgYqt-ktizDom0l1UscXXwCwhE9LDZ3M_YlhfiUZq_0_-XdbeYL80lGa3zpOyB1blYJGNVJ5z-rEm7_PYRAdRwAgww/s1600-h/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 250px; height: 330px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj69LL-X57IN_v2NK-6iuCm_TRRKPqERDq-7eH5LfR1uc4L8MAvzgYqt-ktizDom0l1UscXXwCwhE9LDZ3M_YlhfiUZq_0_-XdbeYL80lGa3zpOyB1blYJGNVJ5z-rEm7_PYRAdRwAgww/s400/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354542142690283986" /></a><br /><strong>รักแร้เนียนๆ เกลี้ยงเกลาไร้ขน</strong><br /><br />การกำจัดขนรักแร้ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายวิธีตามความชอบ ความสะดวก และงบประมาณ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียให้ชั่งใจก่อนทำ ดังต่อไปนี้<br /><br /><strong>โกน</strong><br />ข้อดี : ง่าย สะดวก กำจัดขนรวดเร็ว<br />ข้อเสีย : เนื่องจากรากขนยังอยู่ ขนจึงงอกเร็ว แข็งและเป็นตอ นอกจากนี้การโกนจะเกิดขูดบริเวณผิวหนังทำให้อักเสบและติดเชื้อขึ้น<br /><br /><strong>ถอน</strong><br />ข้อดี : กำจัดขนได้แบบถอนรากออกมาด้วย ทำให้ขนที่งอกใหม่ใช้เวลานานกว่าจะขึ้นอีกครั้ง<br />ข้อเสีย : ใช้ระยะเวลานานกว่าจะถอนออกหมดและทำให้เกิดตุ่ม ลักษณะเหมือนหนังไก่ เนื่องจากขนคุดได้<br /><br /><strong>แวกซ์</strong><br />ข้อดี : เหมาะกับคนที่มีขนยาว และหนา วิธีนี้รวดเร็วกว่าการถอน ขนที่ขึ้นใหม่จะนุ่มและงอกช้าประมาณ 6 สัปดาห์<br />ข้อเสีย : ค่อนข้างเจ็บ ทำให้เกิดตุ่มหรือการแสบแดงได้ และทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้น<br /><br /><strong>เลเซอร์</strong><br />ข้อดี : เป็นการทำลายรากขน ทำให้ขนไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก<br />ข้อเสีย : ต้องทำซ้ำประมาณ 4-6 ครั้ง และเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 15,000 บาทขึ้นไป<br /><br /><strong>จี้ด้วยไฟฟ้า</strong><br />ข้อดี : กำจัดขนได้ถาวรประมาณ 15-20เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนขนที่จี้ไฟฟ้าในแต่ละครั้ง<br />ข้อเสีย : อาจเกิดแผล รอยไหม้ หรือการระคายเคือง ต้องใช้เวลานาน และเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง<br /><br />หลังกำจัดขนอาจใช้ผ้าชุบน้ำแข็งโปะเพื่อกระชับรูขุมขน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ สารเคมี เช่น โลชั่น น้ำยาดับกลิ่นเหงื่อ ฯลฯ เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตัน และอักเสบขึ้น<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-11509838241746190992009-07-03T22:32:00.000+07:002009-07-03T22:58:04.649+07:00กลิ่นตัวชาย...กลิ่นกายหญิง...<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_St6O-__-t0YIZuAr4WOz4tLFGCpg7YBVAY0ddwXRq8uw4zHZGloIDdR4bgP8QQVCS72EzgGRj9SQjvmC_KREp9duajrWbqqv-xzUsf9r-AdxMCjq2rv0c-VmgVIIPlAFYzp9WvuM1Q/s1600-h/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 347px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_St6O-__-t0YIZuAr4WOz4tLFGCpg7YBVAY0ddwXRq8uw4zHZGloIDdR4bgP8QQVCS72EzgGRj9SQjvmC_KREp9duajrWbqqv-xzUsf9r-AdxMCjq2rv0c-VmgVIIPlAFYzp9WvuM1Q/s400/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354257293017636306" /></a><br /><strong>กลิ่นตัวชาย...กลิ่นกายหญิง...</strong><br /><br />เมื่อพูดเรื่องของกลิ่น ก็ต้องแยกกันครับระหว่างกลิ่นตัวกลิ่นกายที่หอมโดยธรรมชาติ กับกลิ่นตัวที่เกิดจากการหมักหมมไม่ยอมอาบน้ำเพราะค่าน้ำขึ้นราคา ในภาษาไทยเราก็ไม่มีคำเฉพาะที่สามารถบรรยายให้เข้าใจได้ชัดเจน แต่ในภาษาอังกฤษ กลิ่นตัวหอมๆ เราจะเรียกว่า "Scent" ส่วนกลิ่นตัวเหม็นๆ ก็จะเรียกว่า "Odor"<br /><br /><strong>*กลิ่นธรรมชาติให้มา</strong><br />กลิ่นตัวกลิ่นกายที่หอมโดยธรรมชาติ เป็นกลิ่นหอมที่ติดตัวมาโดยไม่ต้องไปแต่งเติมอะไร เหมือนกับกลิ่นของเด็กทารก มันมีกลิ่นแบบนี้ของมันเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องใช้แป้งเด็ก ไม่ต้องใช้โลชั่นใดๆ กลิ่นหอมของเด็กก็จะทำให้เรารู้สึกสงบลง อ่อนโยน และรู้สึกว่าต้องทะนุถนอมดูแล น่ากอด น่าอุ้ม...แป้งเด็กที่มีขายออกมาก็มีกลิ่นหอมเบาๆ คล้ายๆ กลิ่นของเด็กโดยธรรมชาติแหละครับ<br /><br />พอโตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาวก็มีกลิ่นกายที่เปลี่ยนไป กลิ่นเนื้อหนุ่มดูไม่ค่อยชัดเจนเท่ากลิ่นเนื้อสาว ไม่รู้อาจเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้มีโอกาสดมเนื้อหนุ่มด้วยกันก็ได้! กลิ่นเนื้อสาวแบบธรรมชาติ เป็นกลิ่นที่ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความอ่อนโยน บอบบาง น่าทะนุถนอม เป็นกลิ่นที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม กลิ่นนี้เป็นลักษณะเฉพาะคน บางคนมี บางคนก็ไม่มี ผู้หญิงประเภทบึกๆ ห้าวๆ พวกทอม ไม่ค่อยมีกลิ่นอย่างที่ว่าหรอกครับ<br /><br />กลิ่นกายของคนเราก็คงมีลักษณะคล้ายๆ กับฟีโรโมน (Pheromone) คือ สัตว์บางชนิดสามารถปล่อยกลิ่น หรือสารเคมีบางอย่างออกมา เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น หรือเป็นการดึงดูดความสนใจ กระตุ้นเกี้ยวพาราสีในช่วงฤดูกาลผสมพันธุ์ ในคนเราไม่มีฟีโรโมนชัดเจนเหมือนกับสัตว์ การกระตุ้นดึงดูดด้วยฟีโรโมนเป็นเรื่องง่ายเกินไปสำหรับมนุษย์ หากคนเรามีฟีโรโมนเหมือนกับสัตว์ สงสัยคงยุ่งแน่ ตรงไหนที่มีการปิ๊งกัน คงมีกลิ่นของคนโน้น คนนี้ปนกันเต็มไปหมดแต่การที่คนเราจะปิ๊งกันได้ ก็ต้องมีองค์ประกอบมากมาย กลิ่นอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ ส่วนมากแล้วหนุ่มสาวก็มักจะมีภาพของคู่ตนในใจเอาไว้อยู่แล้ว<br /><br />หนุ่มคนนั้นต้องมีหน้าตาแบบนี้นะ รูปร่าง บุคลิก นิสัยอย่างนี้นะ แถมบางทีก็ต้องมีข้อแม้เพิ่มเติมอีก เช่น ต้องมีรถโก้ๆ ฯลฯ ดังนั้นสังคมมนุษย์มันมีอิทธิพลประกอบอย่างอื่นเยอะ มีฟีโรโมนออกมาเยอะยังไง ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากหรอกครับ<br /><br /><strong>*กลิ่น...ดับอารมณ์</strong><br />พูดถึงกลิ่นดีๆ แล้ว ก็เลยขอว่าถึงกลิ่นที่ไม่ดีด้วยแล้วกันนะ กลิ่นไม่ดีอาจทำให้หมดอารมณ์ไปดื้อๆ เลยก็ได้<br /><br />กลิ่นที่เกิดขึ้นในผู้ชายก็มักเป็นกลิ่นตัวจากเหงื่อไคล จากจุดอับต่างๆ เช่น ซอกรักแร้ หากเคยเจอที่มันเหม็นจริงๆ รับรองเห็นจนสลบไปเลยครับ กลิ่นที่ว่าก็เกิดจากการที่มีแบคทีเรียเจริญเติบโตสะสมอยู่ในจุดอับเป็นจำนวนมาก พอมีเหงื่อไคลอับชื้น มันก็จะย่อยสลายโดยแบคทีเรียเกิดเป็นกลิ่นเหม็นๆ ออกมา<br /><br />ดังนั้นหากมีกลิ่นตัวแรงๆ กลิ่นเต่าพลังสูงก็ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอาบน้ำบ่อยๆ ใช้สบู่ที่สามารถฆ่าเชื้อโรค ลดจำนวนสะสมของแบคทีเรียได้ หรือถ้าสุดความสามารถแล้วก็ต้องใช้น้ำหอม หรือลูกกลิ้งดับกลิ่นเฉพาะที่บ้าง<br /><br />จุดที่มีกลิ่นไม่ดีอีกที่ของผู้ชายก็คือที่หนังหุ้มปลายนั่นแหละครับ ปกติแล้วผู้ชายที่มีหนังหุ้มปลายหลงเหลืออยู่ ยังไม่โดนขลิบไปเสียก่อน เวลาอาบน้ำก็ต้องรูดลงมาขัดสีฉวีวรรณตามซอกคอของหนังหุ้มปลายทุกวันให้เป็น กิจวัตร หากมีหนังหุ้มปลายแล้วไม่ล้างให้สะอาดก็จะเกิดการหมักหมม มีกลิ่นเหม็น มีหนังหุ้มปลายแล้วไม่ล้างอย่ามีเสียดีกว่า อย่างนี้ต้องเอาไปขลิบ!<br /><br />กลิ่นไม่ดีที่เกิดขึ้นในผู้หญิง ก็มักจะเกิดขึ้นตรงจุดสำคัญนั่นแหละครับ อย่างที่เคยบอกแหละครับว่าปากคนเรากับช่องคลอดมันคล้ายๆ กัน เยื่อบุช่องปากกับเยื่อบุช่องคลอดก็คล้ายคลึงกันมาก ปากต้องมีน้ำลายหล่อเลี้ยง ช่องคลอดก็ต้องมีน้ำเป็นมูกหล่อเลี้ยงตลอดเวลา สำหรับปากเราสามารถแปรงฟันทำความสะอาดได้ง่าย แต่สำหรับช่องคลอด เราไม่ค่อยได้ดูแลรักษาความสะอาดมันเท่ากับช่องปากเลย บางทีก็เกิดการหมักหมมภายใน มูกตกขาวที่มีส่วนประกอบเป็นแป้งก็มีการบูดเสีย มีกลิ่นตามมาได้ ยิ่งหากมีการอักเสบติดเชื้อก็ยิ่งมีกลิ่นมากขึ้น<br /><br />คุณผู้หญิงที่มีกลิ่นเหม็นในบริเวณจุดสำคัญตรงนี้ก็ต้องขยันทำความสะอาดให้ดี อย่าให้มีการสะสมของเชื้อโรค หากรู้สึกว่าตกขาวออกมาผิดปกติ มีสีเขียว สีเหลือง มีกลิ่นแรง ก็ควรรีบไปพบแพทย์จะได้ทำการรักษา ตอนนี้ก็คงนึกภาพออกแล้วนะครับว่า หมอสูติอย่างพวกผม ตรวจอยู่ทั้งวันจะต้องดมกลิ่นอะไรกันบ้าง น่าสงสารเหมือนกันนะ!<br /><br />ตอนนี้ก็คงรู้แล้วสินะว่าหากมีกลิ่นดีๆ มันช่วยเสริมสร้างความรู้สึกดีๆ ได้เยอะ แต่ไม่ว่าบรรยากาศจะเป็นใจแค่ไหน ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยมื้อค่ำท่ามกลางแสงเทียน เปิดเพลงรักหวานๆ ฟังเบา มีเสียงจิ้งหรีดร้องเป็นจังหวะให้กำลังใจเป็นระยะ แต่พอเข้าด้ายเข้าเข็ม เปิดออกมากลิ่นเหมือนหัวปลาเน่า...เฮ้อ น่าสงสารสวรรค์ล่ม!<br /><br />อย่าลืมล่ะ... ดูแลกลิ่นตัวให้ชวนดม เพื่อคนที่คุณรัก หากมันมีกลิ่นไม่ดี ไม่ชวนดม...อย่าลืมนึกถึงหมอสูติฯ ก็แล้วกัน<br /><br />ที่มาจาก http://www.fwdder.com/topic/157173<br /><br />ตามไปดู...บทความที่เกี่ยวข้อง<br /><a href="http://fashiondukdik.blogspot.com/2009/03/blog-post_663.html" target="_blank">เมื่อน้องมีกลิ่น</a><br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-27019749010207448082009-07-03T22:09:00.000+07:002009-07-03T22:11:49.061+07:00เคล็ดลับสุขภาพดี สำหรับสาวออฟฟิศ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizBVEcF1tzXBPfa8g8pOwQ5siUKP9tV0CwrqzRfpSv3hhjcbIKbalJ2CVXMKyPeFInn_dCW6exgX5ku3d3bz47TbtwfQ2qp6Aok8ig3yVNoer1v45pzLmL-kkmwj7gMyLX1yKuRdY47w/s1600-h/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%AA.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 256px; height: 349px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizBVEcF1tzXBPfa8g8pOwQ5siUKP9tV0CwrqzRfpSv3hhjcbIKbalJ2CVXMKyPeFInn_dCW6exgX5ku3d3bz47TbtwfQ2qp6Aok8ig3yVNoer1v45pzLmL-kkmwj7gMyLX1yKuRdY47w/s400/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%AA.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354251356599022418" /></a><br /><strong>เคล็ดลับสุขภาพดี สำหรับสาวออฟฟิศ</strong><br /><br />สาวออฟฟิศต้องนั่งทำงานทั้งวันทำให้ระบบน้ำเหลืองไหวเวียนไม่ดี และมีปัญหาเรื่องสุขภาพตามมา แต่ออฟฟิศเกิร์ลทั้งหลายสบายใจได้ เพราะเคล็ดลับนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้คุณเอง<br /><br /><strong>1. ไม่ใส่เสื้อเล็กเกินไป</strong><br />เสื้อแบบที่นักศึกษาสาวๆ ชอบใส่กันเป็นเสื้อต้องห้ามที่ออฟฟิศเกิร์ลไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง เพราะมันจะรัดจนเลือดไหวเวียนได้ไม่สะดวก ทำให้ออกซิเจนขึ้นไปเลี้ยงสมองได้น้อยและทำให้อึดอัดหายใจไม่ออก ถ้าใส่แบบนี้เป็นประจำก็จะส่งผลร้ายกับสุขภาพของคุณ<br /><br /><strong>2. อย่านั่งตลอดเวลา</strong><br />สาวๆ ควรลุกเดินไปเดินมาทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่ยึดคลายตัว และควรบริหารข้อเท้าบ่อยๆ เช่น หมุนข้อเท้า ยกนิ้วเท้าขึ้นลงไปมา<br /><br /><strong>3. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร</strong><br />สาวทำงานต้องนั่งอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลาทำให้ร่างกายต้องปรับอุณหภูมิตามไปด้วยเพื่อรักษาสมดุลไม่ได้ไม่สบาย ทำให้เกิดอาการเลือดข้นได้ ออฟฟิศเกิร์ลจึงต้องดื่มน้ำบ่อยๆเพื่อให้เลือดจางลง จะได้ไหลเวียนได้สะดวก<br /><br /><strong>4. นอนตัวตรง</strong><br />อย่านอนคุดคู้ งอตัว หรือนอนคว่ำ ท่านอนคุดคู้จะทำให้กระดูกสันหลังงอ พอตื่นขึ้นก็จะปวดหลัง ส่วนท่านอนคว่ำนอกจากจะทำให้หายใจไม่สะดวกจนหลับได้ไม่เต็มที่แล้ว ยังจะทำให้ตีนกาขึ้นเร็วกว่าปกติด้วย<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-38940599998967573432009-07-03T21:46:00.000+07:002009-07-03T21:48:39.682+07:00ร้อยแปดเคล็ดลับน่ารู้...(3)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1-dzKOQetHXAuhFLYNpYPMgzyoTIFDORI80vZCu_2ok9NVa_dmetpTSzGmQELFwRimORU3O5PpTLKsCoGxB-XyxR7ySs0AaUKkz3rxKVtTOXcpa_kJj6n8-L3qvwB3YDfFaRse9W_mA/s1600-h/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 371px; height: 348px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1-dzKOQetHXAuhFLYNpYPMgzyoTIFDORI80vZCu_2ok9NVa_dmetpTSzGmQELFwRimORU3O5PpTLKsCoGxB-XyxR7ySs0AaUKkz3rxKVtTOXcpa_kJj6n8-L3qvwB3YDfFaRse9W_mA/s400/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354245720339597250" /></a><br /><strong>ร้อยแปดเคล็ดลับน่ารู้...(3)</strong><br /><br />60. วิธีเลือกซื้อน้อยหน่า ควรเลือกซื้อผลใหญ่ๆ ตาห่างมากๆ ผิวมีสีนวลๆ สีเขียวอ่อนลง<br /><br />61. วิธีเลือกซื้อสับปะรด ให้ได้สับปะรดเนื้อดี หวานฉ่ำ เมื่อดีดแล้ว เสียงจะดังแปะ ๆ จึงจะใช้ได้ ถ้าเป็นเสียงโป๊ก ๆ ก็ไม่ควรซื้อ สับปะรดที่หวานฉ่ำเวลาที่ดีดจะมีกลิ่นหอมมาก กว่าสับปะรดที่ไม่ฉ่ำ<br /><br />62. เลือกซื้อปูสดให้ได้เนื้อแน่น ปูทะเลสดจะต้องสีเข้ม ก้ามโตสีแดงเรื่อๆ เปลือกบาง ลองกดตรงกลางที่มีฝาปิดดู ถ้ากดไม่ลง แสดงว่าปูสดที่มีเนื้อแน่น<br /><br />63. ต้มน้ำซุปไม่ให้มีไขมันลอยหน้า ใส่ผักกาดหอมลงในหม้อซุปสัก 2-3 ใบ<br /><br />64. ขจัดกลิ่นสีห้องใหม่ ผสมน้ำวานิลา 1 ช้อนชา ต่อสี 1 แกลลอน คนให้เข้ากันจากนั้นก็นำไปทาได้เลย<br /><br />65. เอาแมลงออกจากหูโดยง่าย ผักกาดหอมเมื่อคั้นเอาน้ำกรอกใส่หูที่แมลงเข้า แมลงจะทนไม่ไหวคลานออกมาเอง<br /><br />66. เคล็ดลับปอกหัวหอมไม่ให้น้ำตาไหล ก่อนปอกหอม หั่นหอม ทุบหอม ให้เอาไม้ขีดไฟที่ยังไม่ได้จุดสัก 2-3 ก้าน คาบไว้ให้หัวไม้ขีดโผล่ออกจากปากแล้วก็ลงมือได้เลย<br /><br />67. เคล็ดลับทำไข่ตุ๋น การจะทำให้เนื้อไข่ตุ๋นเป็นเนื้อเดียวกันต้องใช้น้ำข้าวที่เราหุงผสมลงไปแทนน้ำ เนื้อไข่จะเป็นเนื้อเดียวกันทานอร่อยมาก แต่ต้องจำไว้ว่าใช้น้ำข้าวไม่ใช่น้ำซาวข้าว<br /><br />68. เลือกซื้อรองเท้าเวลาไหนดี เลือกตอนบ่ายอากาศอุ่นจัด เพราะใช้งานเท้ามามากทั้งวันแล้ว น้ำหนักตัวจะกดเท้าให้ขยายเต็มที่ คุณจะได้รองเท้าที่ใส่สบายกว่าซื้อในตอนเช้า<br /><br />69. ดับกลิ่นขยะ ใส่เปลือกมะนาวลงในถังขยะ<br /><br />70. ดับกลิ่นทุเรียน กินมังคุดตามเข้าไป<br /><br />71. หุงข้าวสวยให้เป็นปุย ใส่น้ำมะนาว หรือ น้ำส้มสายชู ลงในหม้อข้าวขณะหุง เมื่อข้าวสุกจะไม่เหนียวติดกัน<br /><br />72. ทอดอาหารไม่ให้น้ำมันกระเด็น โรยเกลือป่นลงในกระทะเล็กน้อย<br /><br />73. ทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมัน เติมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำมันเล็กน้อย<br /><br />74. ย่างเนื้อให้นุ่ม ให้ใส่มะเขือเทศสัก 2-3 ชิ้นกับเนื้อย่างหมักเข้าด้วยกัน<br /><br />75. เทซอสมะเขือเทศง่ายๆ เอาหลอดพลาสติกใส่ลงไปจนถึงก้นขวด พอเทซอสก็จะไหลออกมาง่ายตามต้องการ<br /><br />76. ขจัดไขมันออกจากไก่ย่าง ให้เอาไก่ใส่ถุงสีน้ำตาล 2 ชั้น ปิดปากถุงให้แน่น ให้อบความร้อนไว้ในถุงสักพัก<br /><br />77. ใช้เตาแก๊สให้ประหยัด ควรปรับไฟเวลาจุดเตาให้เป็นสีน้ำเงิน<br /><br />78. การใช้หม้อดินให้นานๆ เมื่อซื้อมาแล้วควรนำหม้อดินไปแช่น้ำไว้สัก 1 คืน ก่อนนำมาใช้<br /><br />79. วิธีทำเครื่องแกงด้วยเครื่องปั่น ให้เติมน้ำพอท่วมเครื่องแกง แล้วจึงใช้เครื่องปั่น<br /><br />80. โขลกน้ำพริกให้ละเอียด ต้องโขลกพริกที่แช่น้ำกับเกลือก่อน แล้วใส่หอมแดงกับกระเทียมที่หลัง<br /><br />81. ดับกลิ่นกะปิที่ติดมือ เอามือไปขยำเมล็ดข้าวสารในถัง ขยำ 2-3 ครั้งกลิ่นก็จะหายไปเอง<br /><br />82. แก้กลิ่นสาปไก่และเป็ด นำไปแช่ในน้ำผสมเบคกิ้งโซดา แล้วนำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ ประมาณครึ่งชั่วโมง<br /><br />83. ผลไม้รักษา โรคตับอักเสบและดีซ่าน ใช้รากองุ่นสด 30-90 กรัมต้มน้ำรับประทาน<br /><br />84. วิธีรักษาโรคบิด ใช้ใบฝรั่งรับประทาน<br /><br />85. รักษาภาพโปสเตอร์ ใช้ยาขัดรองเท้าชนิดที่ไม่มีสี เช็ดภาพโปสเตอร์ก่อนที่จะนำมาติดโชว์<br /><br />86. วิธีรักษาโลหะไม่ให้ผุกร่อน ให้ใช้วาสลินทาผิวของโลหะทุกครั้งที่ใช้ และนำมาทำความสะอาด จะทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายและเช็ดแห้งเร็ว<br /><br />87. วิธีแก้หัวเทียนบอด ใช้น้ำมันละหุ่งแดงละลายผสมในน้ำมันรถ<br /><br />88. ขจัดรอยไหม้ในกระทะ นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย แล้วเอาหัวหอมทุบพอแตก 3-4 หัวต้มจนเปื่อย จากนั้นนำกระทะไปล้างตามวิธีปรกติ<br /><br />89. ต้มถั่วแดงไม่ให้แข็งกระด้าง ต้มให้เปื่อยเสียก่อนแล้วจึงนำไปต้ม<br /><br />90. ต้มเป็ดพะโล้ให้เนื้อนุ่ม ให้ใส่น้ำแข็งขณะต้ม โดยใส่ทุกระยะที่น้ำเป็ดพะโล้เดือด<br /><br />91. วิธีทำความสะอาดเครื่องเคลือบทองเหลือง ให้นำหัวหอมต้มในน้ำจนเดือด แล้วใช้หัวหอมขัดเครื่องเคลือบนั้น สิ่งสกปรกที่ติดค้างจะหลุดออกไป<br /><br />92. ขอดเกล็ดปลาด้วยวิธีง่ายๆ นำปลาไปแช่ในน้ำเดือดพล่านประมาณ 1 นาที รอจนปลาแห้ง จะดึงเกล็ดปลาออกเป็นแผ่นๆ ได้โดยง่าย เนื้อปลาจะไม่หลุดติดเกล็ดออกมาเลย<br /><br />93. ขูดปลาไหลโดยไม่ต้องใช้ใบข่อย เอามือจุ่มน้ำ แล้วไปกำขี้เถ้านำมารูดปลาไหลไม่กี่ครั้ง ก็จะหมดเมือกไปในที่สุด<br /><br />94. แก้ปัญหาข้าวสุกๆดิบๆ ละลายน้ำเกลือแล้วพรมลงบนฝาหม้อ โดยต้องปิดฝาหม้อให้สนิทสัก10-15 นาที<br /><br />95. ยำปลาหมึกให้อร่อย นำปลาหมึกสดๆ มาหั่นแล้วล้างให้สะอาด จึงนำมาคลุกกับแป้งมันสำปะหลังให้ทั่ว ทิ้งไว้ 5 นาที นำไปล้างออก แล้วจึงนำไปลวกในน้ำเดือด ตักใส่จานปรุงรสตามชอบ<br /><br />96. ต้มไข่ไม่ให้เปลือกแตก ให้ใส่เข็มหมุดสัก 2-3 ตัว ลงในน้ำที่ใช้ต้มไข่จะทำให้ไข่ไม่แตก<br /><br />97. ไขกุญแจให้ออกง่าย ให้หาผงดินสอดำใส่เข้าไปในรูกุญแจนั้น ผงดินสอดำจะช่วยให้ไขออกง่าย<br /><br />98. ต้มปลาให้ก้างอ่อนยุ่ย ให้นำอ้อยมาปอกเปลือกตัดเป็นเสี้ยวๆ วางลงในหม้อที่ต้มปลา และนำปลามาวางทับ เติมน้ำพอประมาณตั้งไฟสัก 40 นาที ปลาจะมีเนื้อแข็ง และก้างจะอ่อนยุ่ย<br /><br />99. อบเป็ดให้อร่อย ก่อนนำเป็ดเข้าอบให้ใช้ส้มผ่าครึ่งซีก ทาให้ทั่วตัวเป็ด แล้วนำไปอบ เป็ดจะนุ่มน่ากิน<br /><br />100. ล้างแก้วเจียรนัยให้สะอาด ให้นำเปลือกมันฝรั่งไปใส่ในแก้วเจียรนัยหรือแจกันที่มีคราบสกปรก แช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำธรรมดาจะสะอาดหมดจด<br /><br />101. ขจัดรอยจีบกระโปรง ใช้ฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชู ทาตรงรอยจีบให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าบางๆ ทาบรีดด้วยเตารีดอุ่นๆ รอยจีบกระโปรงหรือรอยเลาะตรงขากางเกงจะเรียบหายไปตามต้องการ<br /><br />102. วิธีรักษาเครื่องซักผ้า ให้ใช้น้ำอุ่นพอประมาณ ผสมน้ำสมสายชูสักครึ่งลิตรใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า เปิดสวิตซ์ทำงานปกติ น้ำส้มสายชูจะช่วยไล่คราบฝุ่นออกจากตัวเครื่อง และป้องกันการอุดตันได้ด้วย<br /><br />103. ทำน้ำเชื่อมให้ดูน่ารับประทาน ใส่เปลือกไข่ที่ขยี้ให้ละเอียดลงไปสัก 2-3 ฟอง ขณะเคี่ยวน้ำเชื่อม ตั้งทิ้งไว้จนมีฟองสกปรกขึ้นมา ช้อนฟองออกเคี่ยวต่อไปจนฟองสกปรกหมดจึงกรองด้วยผ้าขาวบาง<br /><br />104. ทำวุ้นให้ใสแวววาว ต้มน้ำวุ้นให้เดือดได้ที่ก่อน แล้วจึงเติมน้ำตาล ปิดไฟทันที และคนให้ละลาย การเคี่ยวน้ำตาลนานๆ จะทำให้ได้วุ้นมีสีขุ่นไม่ใสแวววาว<br /><br />105. วิธีกำจัดมดในครัว ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดตรงทางเดินมด มดจะไม่เดินมาบริเวณที่เราเช็ดด้วยน้ำส้มสายชูไว้<br /><br />106. ลวกลูกชิ้นปลาที่เก่าและเหม็นคาวให้อร่อย ลูกชิ้นปลาที่แช่ตู้เย็นไว้นานๆแล้วมีกลิ่นเหม็นคาว ให้ล้างด้วยน้ำผสมกับน้ำส้มสายชู จากนั้นจึงลวกลูกชิ้น แล้วค่อยนำไปประกอบอาหาร<br /><br />107. หากทำแกงเผ็ดหรือน้ำซุปแล้วมีรสเค็มเกินไป ให้ฝานมันฝรั่งดิบ ลงไปเคี่ยวต่อจนมันฝรั่งสุก หากเป็นประเภทพะโล้ หรืออาหารตุ๋นที่เค็มไป ควรเติมน้ำส้มสายชูและน้ำตาลลงไปอย่างละ 1 ช้อนชาจะช่วยลดความเค็มลงได้<br /><br />108. ป้องกันแมลงรบกวนข้าวสาร ใช้ใบมะกรูดวางไว้บนข้าวสาร หรืออาจจะใส่ผสมปนเปไว้ในข้าวสารเลยก็ได้ ซึ่งหากข้าวสารมีจำนวนมาก ก็ใส่ใบมะกรูดมากหน่อย รับรองจะไม่มีแมลงมารบกวนอีกต่อไป หากข้าวสารยังใช้ไม่หมดแต่ใบมะกรูดที่วางไว้แห้งหรือหมดกลิ่นไปแล้วก็ให้เปลี่ยนใบมะกรูดเสียใหม่ ไม่งั้นเดี๋ยวเจ้าแมลงได้ใจกลับมารบกวนอีก<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-49934528650946028222009-07-03T21:44:00.000+07:002009-07-03T21:46:06.681+07:00ร้อยแปดเคล็ดลับน่ารู้...(2)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpiTmtW8Uc4cofHdp2TZAqWoHlYZHUGIBbrUz66mI68EbzTa75l_ENp2L_lFb0CzaCpeIOq7PXjmixT3iKHIHdarxlrdxDT1m6-Izkh1NLWPnyTdMU1dJpQQF5WiDTum2T2UZoevtI6Q/s1600-h/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 371px; height: 348px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpiTmtW8Uc4cofHdp2TZAqWoHlYZHUGIBbrUz66mI68EbzTa75l_ENp2L_lFb0CzaCpeIOq7PXjmixT3iKHIHdarxlrdxDT1m6-Izkh1NLWPnyTdMU1dJpQQF5WiDTum2T2UZoevtI6Q/s400/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354245080766523906" /></a><br /><strong>ร้อยแปดเคล็ดลับน่ารู้...(2)</strong><br /><br />2. แก้ปัญหาสีน้ำแห้งแข็ง ใช้น้ำส้มสายชูผสมทิ้งเอาไว้ สีน้ำที่แห้งแข็งก็จะอ่อนเหลว นำมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง<br /><br />3. ขจัดคราบรอยนิ้วบนไพ่ป๊อก ใช้สำลีชุบนมสดเย็นๆ เช็ด รอยเปื้อนก็จะหลุดออกไป<br /><br />4. ดูแลรักษางาช้าง เอางาช้างวางไว้กลางแดดทั้งๆ ที่ยังเปียกน้ำสบู่อยู่ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เมื่อแห้งแล้วขัดด้วยผ้าสักหลาด ก็จะได้งาช้างสวยสะอาดดังเดิม<br /><br />5. ขจัดคราบกาวสติกเกอร์ ใช้น้ำมันพืชหรือครีมวาสลีนมาทาสติกเกอร์ให้ชุ่ม แล้วจึงค่อยๆ ดึงออกมา<br /><br />6. วิธีล้างเครื่องหนัง หยดน้ำมันสลัดสัก 2-3 หยด ลงไปในน้ำสบู่แล้วใช้แปรงจุ่มถู จากนั้นจึงซักในน้ำสบู่ธรรมดาอีกครั้ง แล้วล้างด้วยน้ำเย็นรีบเช็ดให้แห้งตากลมไว้ น้ำมันสลัดนอกจากจะช่วยขจัดคราบสกปรกแล้ว ยังช่วยให้หนังคงสภาพเดิมได้ด้วย<br /><br />7. บรรเทาอาการปวดฟัน ใช้ใบกระเพราขยี้กับเกลือ อุดไปที่รูฟันที่ปวดสักพักอาการปวดก็จะทุเลาลงเอง<br /><br />8. บรรเทาอาการปวดจากแตนต่อย แค่ใช้แอมโมเนียชุบสำลีแปะลงไปที่ถูกแตนต่อยก็หายปวดแล้ว<br /><br />9. หุงข้าวแล้วข้าวแฉะ แก้ปัญหาโดยใส่ขนมปังปอนด์สัก 2-3 แผ่น ลงไปในหม้อ ปิดผาหม้อให้แน่นแล้วกดไฟ ไม่นานข้าวก็จะสวยขึ้นมาได้ เพราะขนมปังจะช่วยดูดน้ำเอาไว้<br /><br />10. แก้ปัญหาเล็บเหลือง ใช้มะนาวครึ่งลูกบีบไว้ในน้ำอุ่น แล้วจุ่มมือลงไปแช่สักพัก เล็บของคุณก็จะกลับมาขาวได้<br /><br />11. ลับกรรไกรให้คม ด้วยการเอากรรไกรอันที่ไม่คมนั้นมาตัดกับเข็มโครเชท์ โดยค่อยๆ ตัดให้เข็มอันไม่คมนั้นกลิ้งไปจนสุดปลายกรรไกร ทำซ้ำสัก 4-5 ครั้ง<br /><br />12. ดูแลกาแฟผงไม่ให้จับเป็นก้อน เอาน้ำตาลปอนด์ก้อนขาวๆ ใส่ลงไปสัก 2 ก้อน<br /><br />13. ทำความสะอาดห้องน้ำกระเบื้อง ราดด้วยน้ำให้ทั่วแล้วเอาเกลือแกงโรยลงบนแปรงขัดห้องน้ำ หรืออาจจะโรยเกลือที่ผ้าเปียกน้ำ แล้วขัดพื้นให้ทั่ว<br /><br />14. ขจัดกลิ่นส้วม ใช้น้ำมันก๊าดประมาณ 1 ขวดมาเทราดลงไปในคอห่าน แล้วเทน้ำตามลงไปเพื่อขจัดกลิ่นน้ำมันก๊าดให้หมด น้ำมันก๊าดจะช่วยขจัดกลิ่นส้วมให้หมดไปด้วย<br /><br />15. ป้องกันสัตว์เลื้ยงกัดแกะเครื่องเรือน โดยใช้น้ำมันยูคาลิปตัส หรือน้ำมันที่มีกลิ่นฉุนมาทา<br /><br />16. ป้องกันหมา แมว ให้ฉี่เป็นที่เป็นทาง โรยพริกไทยป่นลงบนที่มันเคยฉี่ การโรยพริกไทยจะทำให้กลิ่นเดิมของมันหายไป มันจะไม่กลับมาฉี่หรืออุจจาระในที่นั้นอีก<br /><br />17. วิธีเก็บสายยาง หายางรถยนต์เก่าๆ ที่ไม่ใช้ทำเป็นที่เก็บสายยาง โดยนำสายยางยาวๆ ม้วนสอดเข้าไปในยางรถยนต์ เพื่อป้องกันแสงแดด และโยกย้ายง่ายด้วยการกลิ้งไป<br /><br />18. ขจัดสนิมเกาะเตารีด เอาผ้าห่อขี้ผึ้งหรือเทียนไขไว้ผืนหนึ่ง อีกผืนหนึ่งโรยเกลือป่นไว้บนผ้า จากนั้นเปิดเตารีดให้ร้อน รีดทับลงบนห่อขี้ผึ้งหรือเทียนไขก่อน ต่อมาจึงรีดบนผ้าโรยเกลือ ทำหลายๆ เที่ยวสนิมก็จะหมดไป<br /><br />19. ขจัดรอยไหม้ของเสื้อผ้าที่โดนเตารีด ใช้หัวหอมผ่าครึ่งถูตรงรอยไหม้ แล้วใช้น้ำเช็ดอีกครั้ง เพราะว่าหัวหอมมีสารละลายทำให้กัดรอยไหม้ที่อยู่บนผ้าจางหายไป และยังไม่ทำให้ผ้าเปื่อยขาดอีกด้วย<br /><br />20. เคล็ดลับย่างเนื้อเตาถ่าน ใช้เกลือโรยไฟให้ทั่วขณะไฟติด เกลือจะทำให้ไฟติดได้ง่ายเร็วโดยไม่ต้องพัดให้เปลืองแรง อีกทั้งถ่านจะมอดดับอย่างช้าๆ เป็นการประหยัดถ่านด้วย<br /><br />21. วิธีทำไม่ให้ถุงน่องรัน นำถุงน่องใหม่ไปแช่น้ำเสียก่อน แล้วนำไปแช่ไว้ในช่องทำน้ำแข็งในตู้เย็น รอจนเป็นน้ำแข็ง จากนั้นเอาออกมาแช่น้ำจนน้ำแข็งละลาย นำไปตากแดดจนแห้ง ถุงน่องเป็นผ้าลื่นเมื่อนำไปแช่แข็งจะทำให้เนื้อผ้าเกาะกันเหนียวแน่นขึ้น ใช้งานแล้วไม่รันง่าย<br /><br />22. เก็บรักษาเสื้อไหมพรม ซักให้สะอาดนำไปวางบนผ้าขนหนูบางๆ แล้วพันผ้าขนหนูโดยให้ไหมพรมอยู่ด้านใน<br /><br />23. แก้ปัญหาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าใบใหม่ที่ข้าวติดก้นหม้อ นำหม้อในใหม่มาแช่น้ำสักครู่ ประมาณ 5-10 นาที ไม่ควรแช่นานกว่านี้ จากนั้นใช้ฟองน้ำขัดหม้อเบาๆ<br /><br />24. แก้ปัญหากระทะใหม่ ที่มักประสบปัญหาทอดอาหารแล้วติดกระทะ ก่อนนำกระทะมาใช้ให้เทน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเท่าๆ กัน ลงในกระทะ และนำไปตั้งไฟรอจนเดือด แล้วเทน้ำส้มสายชูทิ้ง ใช้น้ำสะอาดล้างอีกที จากนั้นก็ใช้งานตามปกติ<br /><br />25. ทำคุกกี้ไม่ให้แตกละเอียดง่าย นำข้าวโพดคั่วที่ยังไม่ได้คลุกเกลือมาวางรองบนพื้นกล่อง และวางบนคุกกี้<br /><br />26. ปอกแอปเปิ้ลไม่ให้ดำ ให้นำแอปเปิ้ลที่ปอกเปลือกแล้วมาล้างในน้ำผสมน้ำมะนาว<br /><br />27. เก็บกล้วยน้ำหว้าไว้ให้นาน ๆ หาภาชนะใส่น้ำต้มให้เดือดนำกล้วยน้ำว้าลงไปแช่ประมาณ 3 นาที และนำไปแขวนในที่ที่มีลมโกรก น้ำเดือดจะฆ่าพวกเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้กล้วยเสียเร็วและอยู่ได้ 10 วัน<br /><br />28. เก็บเนื้อสดข้ามคืนโดยไม่ต้องใช้ตู้เย็น ให้เอาเนื้อทั้งก้อนไปจุ่มลงในน้ำเดือดแล้วแขวนไว้ แบคทีเรียบางส่วนในเนื้อนั้นจะถูกฆ่าตายไปทำให้เนื้อไม่เน่าเสีย<br /><br />29. ลดน้ำเปรี้ยวของสับปะรด นำมะนาวเปลือกเขียวมาบีบลงบนสับปะรด แล้วโรยเกลือป่นไว้ให้ทั่ว ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอย่างเบามือ<br /><br />30. ลดความเค็มของผักดอง นำเหล้าที่แช่เย็นมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนที่เท่ากัน หั่นผักดองที่เค็มเกินไปแช่ไว้สักครู่ ความเค็มของผักก็จะลดหายไป<br /><br />31. ย่างปลาไม่ให้ติดตะแกง นำน้ำส้มสายชูมาทาให้ทั่วตะแกรงก่อนย่างปลา เวลาปลาสุกจะไม่ติด และทำความสะอาดตะแกรงง่าย<br /><br />32. วิธีทำให้กุ้งที่แช่เย็นไว้นานๆให้สดอยู่เสมอ ปอกเปลือกกุ้ง และผ่าหลังให้เรียบร้อย นำไปแช่เบียร์ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงนำไปประกอบอาหาร รับรองได้ว่าไม่ผิดหวัง<br /><br />33. ขจัดคาวปลาหมึก ใช้น้ำส้มสายชูแกว่งกับน้ำ นำปลาหมึกมาแช่ไว้ 5-10 นาที กลิ่นคาวปลาหมึกจะหมดไป<br /><br />34. ป้องกันไม่ให้หัวปลีดำ ต้องแช่หัวปลีลงในน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง<br /><br />35. รักษารองเท้าให้ดูใหม่เสมอ นำถุงเท้าเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้ว นำไปซักให้สะอาด ตากลมให้แห้งสนิท จากนั้นนำรองเท้าไปใส่ในถุงนั้น เมื่อเปิดมาใช้รองเท้าจะใหม่อยู่เสมอ<br /><br />36. ขจัดเศษทิชชูที่ติดตามเสื้อผ้า .ใช้ลูกเทนนิสถูแรงๆ ตรงที่มีกระดาษทิชชู่ติดอยู่ สักหลาดจากลูกเทนนิสจะทำให้เสื้อผ้าคุณสะอาดได้<br /><br />37. ป้องกันแมลงตอมถังขยะ หยดแอมโมเนียลงข้างถังขยะ และในถังขยะสัก 4-5 หยด กลิ่นของมันจะทำให้มด แมลงวัน หรือสัตว์เลี้ยงไม่กล้าเข้าใกล้ถังขยะอีกเลย<br /><br />38. ขจัดเศษอาหารปากท่อ นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นให้นำเบกกิ้งโซดา หรือผงฟูต้มน้ำให้เดือดแล้วเทลงไปไขมันที่อุดตันก็จะหลุดออกไป<br /><br />*ขจัดกลิ่นเหม็นที่กระติกน้ำแข็ง ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำร้อนและนำมาล้างถูกระติกให้ทั่ว ล้างน้ำอีกครั้งด้วยน้ำสะอาดกลิ่นสาปก็จะหายไป<br /><br />39. ดูแลรักษาเครื่องดูดฝุ่น นำการบูรหรือลูกเหม็นใส่เข้าไปในถุงดูดฝุ่นสัก 1 ก้อน จะช่วยกันแมลงแล้วยังป้องกันกลิ่นอับได้อีกต่างหาก<br /><br />*ขจัดกลิ่นอับในตู้กับข้าว ใช้ปูนขาวเล็กน้อยใส่ชามใบย่อมไปวางมุมใดมุมหนึ่งของตู้กับข้าว ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน กลิ่นอับชื้นก็จะค่อยๆจางหายไป<br /><br />40. กำจัดเหา ใช้ใบน้อยหน่าบดให้ละเอียด คั่นเอาน้ำมาหมักกับผมประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยแชมพูสระผม เหาก็จะหายหมดไป แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง 4-5 ครั้ง ถึงจะได้ผล<br /><br />41. ป้องกันฝุ่นจับดอกไม้ประดิษฐ์ นำไปอังกับไอน้ำเดือด ไอน้ำเดือดจะช่วยขจัดฝุ่นและคราบดำออกไป ทำให้ดอกไม้ประดิษฐ์ดูสะอาดอยู่เสมอ<br /><br />42. ปลูกมะลิให้ออกดอกสะพรั่ง เด็ดใบออกมากๆ และรดน้ำตอนที่แดดกำลังร้อนๆ เพราะต้นมะลิจะนึกว่าตัวเองไม่มีใบต่อไปจะต้องตายจึงรีบออกดอกให้ทันก่อนตาย และต้นมะลิจะชอบให้เรารดน้ำตอนแดดกำลังส่องไปที่ต้นของมัน<br /><br />43. ทำความสะอาดเครื่องแก้วโดยไม่ต้องเช็ด ใช้น้ำผสมแอลกอฮอล์ล้าง จะช่วยล้างสิ่งสกปรกออกได้ง่าย ข้อสำคัญจะแห้งได้เอง โดยไม่ต้องเช็ดด้วยผ้าอีกด้วย<br /><br />44. ดับไฟขณะลุกท่วมกระทะ ใช้ฝาโอ่ง หรือฝาหม้อครอบ (อย่าใช้ลมเป่าเด็ดขาด)<br /><br />45. ป้องกันรูขวดพริกไทป่นอุดตัน ใส่เม็ดพริกไทยที่เป็นเม็ดๆ เล็กน้อยลงไปในขวดพริกไทยป่น<br /><br />46. รักษาไม้กวาดดอกหญ้าให้คงทน จุ่มไม้กวาดดอกหญ้า(ซื้อใหม่)ในน้ำเกลือร้อนๆ จะทำให้ขนของไม้กวาดดอกหญ้าเกาะตัวกัน เวลาใช้จะทนทานไม่ขาดง่าย<br /><br />47. ขจัดกลิ่นคาวปลาในตู้เย็น ใช้ผงกาแฟโรยบนปลาซักกำมือก็จะช่วยดับกลิ่นคาวปลาที่นำไปแช่ในตู้เย็นได้<br /><br />48. แก้ปัญหาก้างติดคอ ใช้น้ำมะนาวบีบใส่ลงไปในคอ น้ำมะนาวจะทำให้ก้างอ่อนตัวลงทำให้กลืนลงคอได้ง่าย<br /><br />49. แก้รองเท้ากัด ใช้ค้อนทุบรองเท้าบริเวณที่กัดจนนิ่ม เพราะรองเท้ากัดมีสาเหตุมาจากบริเวณหนังส่วนนั้นแข็งเกินไป<br /><br />50. ขจัดกลิ่นกระเป๋าหนังที่ซื้อใหม่ นำผ้าขาวห่อใบชา และกระเป๋าเข้าด้วยกัน ใบชาสามารถดูดกลิ่นเหม็นของหนังได้<br /><br />51. ขจัดกลิ่นคลอรีนในน้ำประปา ฝานมะนาวบางๆ ลงไปในน้ำ มะนาวจะช่วยดูดกลิ่นคลอรีนให้หมดไปได้<br /><br />52. วิธีขจัดต้นหญ้า ใช้เกลือโรยตรงที่หญ้าขึ้น เพราะว่าเกลือนั้นจะทำให้ดินตรงที่นั้นเค็ม<br /><br />53. ป้องกันยุงไข่ในแท้งค์น้ำ ให้หาอิฐแดงๆ ที่ใช้ก่อสร้างใส่ลงไปในแท้งค์น้ำ ที่นี้แท้งค์น้ำก็จะไม่มีลูกน้ำอีกเลย<br /><br />54. ทอดให้กรอบ ต้องละลายแป้งทิ้งไวประมาณ 5-10 นาที ก่อนนำไปทอด<br /><br />55. เคล็ดลับการทอดไข่เจียว โรยเกลือป่นเล็กน้อยบนน้ำมันในกระทะ<br /><br />56. ทอดไก่ให้สุกทั้งตัว ก่อนจะนำไก่ลงทอด ให้ใช้ช้อนส้อมจิ้มเป็นรูให้ทั่วเสียก่อน แล้วทอดไฟอ่อนๆ<br /><br />57. ต้มผักให้หน้ารับประทาน ขณะต้มผักให้เติมเกลือเล็กน้อยจะทำให้ผักมีสีเขียวกว่าเดิม<br /><br />58. เผามันเทศให้น่ารับประทาน ให้นำมันเทศแช่ในน้ำร้อนเสียก่อน จึงค่อยนำไปเผาบนเตาไฟที่ไม่ร้อนจัดนัก<br /><br />59. วิธีเลือกซื้อมะนาว มะนาวเปลือกเหลืองไม่เหี่ยวมีน้ำมาก เหมาะสำหรับทำน้ำจิ้ม ถ้ามะนาวผิวเขียวสดเหมาะสำหรับทำต้มยำ ตำน้ำพริก<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-1260132461901044712009-07-03T21:28:00.000+07:002009-07-03T21:44:05.169+07:00ร้อยแปดเคล็ดลับน่ารู้...(1)<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEirsrI4m047UYPg9UX1Noxeq38eMcwyAsStippzk6ZYf2KmnchH3LVFhsENxwczVLpK7iVhqTden08U9xpMvb1Fge9MHzz__AQi9aWlng0_O95aNVq4RvzW4CNAnMVy7McMl9O9CMf8qw/s1600-h/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 371px; height: 348px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEirsrI4m047UYPg9UX1Noxeq38eMcwyAsStippzk6ZYf2KmnchH3LVFhsENxwczVLpK7iVhqTden08U9xpMvb1Fge9MHzz__AQi9aWlng0_O95aNVq4RvzW4CNAnMVy7McMl9O9CMf8qw/s400/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354240859406303266" /></a><br /><strong>ร้อยแปดเคล็ดลับน่ารู้...(1)</strong><br /><br />1. เคล็ดลับน่ารู้ในการขจัดคราบรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า<br /><br />*รอยเปื้อนสนิมเหล็ก ใช้เกลือ และบีบมะนาวลงบนรอยเปื้อน แล้วนำไปซักด้วยวิธีธรรมดา ตากแดดจัดๆ<br /><br />*รอยเปื้อนยางมะตอย และกาว ใช้น้ำมันไฟแช็ค ล้างรอยเปื้อน แล้วจึงนำไปซัก<br /><br />*รอยเปื้อนน้ำหมึก ขยี้มะเขือเทศลงบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง และนำไปซักด้วยวิธีธรรมดาอีกครั้ง<br /><br />*รอยเปื้อนหมึกลูกลื่น ใช้น้ำมันใส่ผมหยอดลงไปที่รอยเปื้อน และนำไปซักด้วยผงซักฟอกอีกครั้ง<br /><br />*รอยเปื้อนคราบเลือด ใช้แป้งมันกับน้ำเย็นผสมกันให้ข้นขนาดแป้งเปียก ทากระดาษพอกไว้บนรอยเลือดที่เปื้อน ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วซักน้ำ รอยเลือดนั้นจะหายไป<br /><br />*รอยเปื้อนคราบลิปสติกบนเสื้อ ก็รีบหาน้ำมันยูคาลิปตัส หรือกลีเซอรีน เช็ดบริเวณที่เปื้อนโดยเร็ว...ถ้าไม่อยากมีปัญหา<br /><br />*รอยคราบไขมันที่ติดเสื้อผ้า โรยแป้งฝุ่นตรงรอยเปื้อน แล้วเอากระดาษทิชชู่วางทับจากนั้น จึงใช้เตารีดร้อนรีดทับไว้สักครู่ จึงนำไปซักด้วยวิธีธรรมดา<br /><br />*รอยเปื้อนกาว ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ<br /><br />*รอยเปื้อนขี้ผึ้ง วางกระดาษซับบนรอยเปื้อนแล้วกดด้วยเตารีดที่ร้อน เปลี่ยนกระดาษจนกระทั่งไขทั้งหมดถูกดูดซับไปหมด สำหรับผ้าเนื้อบางหรือผ้าไหมให้ใช้กระดาษทิชชูซับแทนกระดาษธรรมดา และใช้เตารีดที่ไม่ร้อนมาก<br /><br />*รอยเปื้อนไข่ ผสมน้ำซักผ้ากับน้ำอุ่น แล้วนำผ้าเปื้อนไปซัก<br /><br />*คราบน้ำตาเทียน ใช้ก้อนน้ำแข็งขูดเกล็ดเทียนออกให้มากที่สุด จากนั้นจึงใช้กระดาษประกบบริเวณที่เปื้อนทั้ง 2 ด้าน แล้วใช้เตารีดอุ่นๆ รีดทับจนน้ำตาเทียนซึมออกมาติดกับกระดาษแล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ<br /><br />*คราบโคลน ปล่อยให้โคลนแห้ง แล้วใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆ ครั้งจนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยผงซักซอก<br /><br />*คราบน้ำชา รีบเทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อนบนผ้าที่เพิ่งเปื้อนจนรอยจางลง จากนั้นนำไปซักในน้ำอุ่นกับสบู่ ถ้ายังไม่ออกให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ด แล้วจึงนำไปซัก<br /><br />*น้ำผลไม้, น้ำมันพืช นำผ้าที่เปื้อนไปขึงให้ตึงบนปากกะละมัง เทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อน แล้วจึงนำผ้าไปซัก<br /><br />*รอยเปื้อนน้ำหมึก ก่อนซักให้นำเกลือป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่ม ผึ่งแดดไว้ครึ่งวัน จึงค่อยนำไปซัก<br /><br />*รอยเปื้อนกาแฟ ใช้แป้งข้าวเจ้าถูบริเวณรอยเปื้อน แล้วจึงนำไปซักตามปกติ<br /><br />*รอยเปื้อนน้ำส้มสายชู ผสมแอมโมเนีย 1 ช้อนชา ในน้ำ 2 ถ้วย (ครึ่งลิตร) แล้วนำผ้าไปแช่ 2-3 นาที ล้างออกแล้วซักถามปกติ<br /><br />*รอยเปื้อนช็อกโกแลต รีบนำผ้าที่เปื้อนไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่เปื้อน อาจใช้น้ำยาขจัดคราบช่วยด้วย จากนั้นนำไปซักตามปกติ<br /><br />*รอยเปื้อนเลือด นำนมข้นหวานทาบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปขยี้น้ำออก<br /><br />*รอยเปื้อนคราบเลือดจางๆ ใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนข้น นำไปถูเบาๆ ตรงรอยเปื้อน เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออก<br /><br />*รอยเปื้อนคราบเลือดฝังแน่น ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็นที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง สุดท้ายใช้ทิชชู่ซับน้ำให้แห้ง<br /><br />*เปื้อนครีม เนย น้ำมัน นำแป้งฝุ่นทาตัวมาโรย ใช้กระดาษทิชชู่ หรือกระดาษบางอื่นๆ วางทับ นำเตารีดที่ร้อนพอสมควร วางทับบนกระดาษ จนแป้งดูดคราบมันออกหมด จึงนำ ไปซัก<br /><br />*รอยเปื้อนสนิม นำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ<br /><br />*ผ้าขาวที่ออกสีเหลือง ใช้เปลือกไข่ป่นละเอียด ใส่ในกะละมังซักผ้า แช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงซักตามปกติ<br /><br />*ผ้าขึ้นรา (เล็กน้อย) นำผ้าไปซักในน้ำสบู่ร้อนๆ หรือบีบมะนาวลงไปตรงที่มีราขึ้น แล้วแช่ผ้าไว้ในผงซักฟอกสักครู่ แล้วจึงซักผ้าตามปกติ<br /><br />*รอยเปื้อนยาแดง เช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ<br /><br />*รอยเปื้อนยาทาเล็บ ซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำยาล้างเล็บ และเช็ดด้วยผ้าที่สะอาดจนรอยเปื้อนจางลง (ควรลองหยดน้ำยาทาเล็บลงผ้าก่อน)<br /><br />*รอยเปื้อนยางกล้วย ใช้มะนาวที่ฝานเป็นชิ้นบางๆ ถูตรงรอยเปื้อนที่เป็นคราบดำแล้วรีบนำมาซักทันที<br /><br />*รอยเปื้อนลิปสติก ใช้มันเปลวหมูทาตรงรอยเปื้อน หรือใช้น้ำมันหมูทา แล้วจึงซักในน้ำสบู่ร้อนๆ หรือใช้ผงซักฟอกโรยตรงรอยเปื้อน แล้วขยี้ จากนั้นจึงซักตามปกติใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อน แล้วนำไปซักถามปกตินำผ้าที่เปื้อนไปแช่ในน้ำผสมเกลือทิ้งไว้ 1 คืน จะทำให้รอยลิปติกหายไป<br /><br />*รอยเปื้อนดินสอ ใช้ยาสีฟันป้ายลงบนรอยดินสอแล้วขยี้<br /><br />*รอยเปื้อนปากกาลูกลื่น ใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยจางลง แล้วจึงนำไปซัก<br /><br />*รอยเปื้อนหมากฝรั่ง ขูดยางหมากฝรั่งออกด้วยสันมีด แล้วใช้น้ำแข็งถูเพื่อให้ยางนั้นแข็งตัว แล้วค่อยๆ แกะออก จากนั้นใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ด นำไปซักในน้ำสบู่อ่อน<br /><br />*คราบเหงื่อไคล ซักด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย หรือน้ำมะนาวละลายยาแก้ปวด 2 เม็ดลงในน้ำ แช่ผ้าไว้สักครู่ จึงค่อยซักตามปกติ<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-43131696225521878802009-07-03T21:21:00.000+07:002009-07-03T21:22:10.392+07:00เคล็ดลับผิวขาวอมชมพู...<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigrRxQ6tE74mBS_wpov9RSDO74GNiFFMispLV7sgHNbBAYmvHJ5eNgjLTVMnqPiKbT05daZR-_UyQK06mbzS1lpVZ3OrqkRFTXE_fj9GCBSNXWMAv21zX5ph7aBtbL3fNSoUAi-e_cCA/s1600-h/%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 352px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigrRxQ6tE74mBS_wpov9RSDO74GNiFFMispLV7sgHNbBAYmvHJ5eNgjLTVMnqPiKbT05daZR-_UyQK06mbzS1lpVZ3OrqkRFTXE_fj9GCBSNXWMAv21zX5ph7aBtbL3fNSoUAi-e_cCA/s400/%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354238897403175282" /></a><br /><strong>เคล็ดลับผิวขาวอมชมพู...</strong><br /><br />สาวๆ ยุคใหม่ที่กำลังมองหาวิธีดูแลผิวพรรณให้เรียบ เนียน สวยอยู่ตลอดเวลา วันนี้จะมาบอกเคล็ดลับเพื่อผิวขาวสุขภาพดีที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากกับเคล็ดลับ "โยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง" <br /><br />ถ้าพูดถึงโยเกิร์ตแล้วใครๆ ก็รู้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่า แถมยังเป็นอาหารผิวที่ดีได้อีกด้วย ส่วนน้ำผึ้งนอกจากเป็นยาอายุวัฒนะแล้ว ก็ยังมีคุณค่าในด้านความสวยความงามด้วย<br /><br />สำหรับส่วนผสมของเคล็ดลับ "โยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง"<br />- น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ<br />- จมูกข้าวสาลี 2 ช้อนโต๊ะ<br />- โยเกิร์ตเปล่า 1 ถ้วย<br /><br />นำส่วนผสมทั้ง 3 มาคนให้เข้ากันแล้วนำมาทาให้ทั่วตัว จากนั้นใช้ปลายนิ้วขัดผิวเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกมาหลังล้างออก และยังเพิ่มความชุ่มชื้นและคงความขาวเนียนให้กับผิวได้อีกด้วย<br /><br />อย่าลืมบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตเป็นประจำ ให้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย เพื่อคุณจะได้เป็นเจ้าของผิวที่ขาว อมชมพูอย่างมีสุขภาพดีตลอดไป<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-70036631832874570212009-07-03T21:13:00.000+07:002009-07-03T21:19:57.484+07:00เคล็ดลับหน้าใส...<strong>เคล็ดลับหน้าใส...</strong><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-TufdA7O7FRNbIEt8xpVgYJ7syzZWCYGpHfk3VBA8M4oDYdKH-2Sq8ObiNTLjYFAGzmbvg0kK8sGpd5AN3TFNDe7njJlJWZuUTTLcWJrrJqhAJ3XD4FWIWfzAdnezXxz6CX27OEA0eg/s1600-h/face-th.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 332px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-TufdA7O7FRNbIEt8xpVgYJ7syzZWCYGpHfk3VBA8M4oDYdKH-2Sq8ObiNTLjYFAGzmbvg0kK8sGpd5AN3TFNDe7njJlJWZuUTTLcWJrrJqhAJ3XD4FWIWfzAdnezXxz6CX27OEA0eg/s400/face-th.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354237465927378658" /></a><br />อ่านเจอมา เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ก็เลยเก็บมาฝาก ว่างๆก็ลองทำกัน<br /><br />การพอกหน้าด้วยผงพิเศษตราร่มชูชีพและไข่แดง เพียงแค่ 15 นาที ใบหน้าของคุณจะใส เนียนนุ่ม เกลี้ยงเกลาอย่างเป็นธรรมชาติ<br /><br />การมีใบหน้าที่ใส ไร้สิว เกลี้ยงเกลาอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นสุดยอดปรารถนาของผู้หญิงทุกคน โดยการมีใบหน้าที่สดใสนั้น เกิดจากสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรีย ที่อุดตันรูขุมขนบนใบหน้าหลุดออกไป พร้อมกับเซลล์ผิวที่ตาย และ เผยผิวใหม่ที่มีความสดใส<br /><br />ทันทีที่พอกหน้าด้วยผงพิเศษตราร่มชูชีพ และไข่แดง ผิวหน้าจะใส เนียนนุ่ม เกลี้ยงเกลาอย่างเป็นธรรมชาติ<br /><br />เมื่อทำเป็นประจำ สิวจะลดลง รอยแผลของผิวจะลดลง ใบหน้าจะเนียนนุ่มน่าสัมผัส<br /><br />เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรพอกหน้าด้วยผงพิเศษตราร่มชูชีพ และไข่แดง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์<br /><br />ที่มา http://www.parachutebrand.com/th/specialtips.php <br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-76923574172325951102009-07-03T16:07:00.000+07:002009-07-03T16:08:41.345+07:00ฝึกหายใจ...ให้หายง่วง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbWmPVC1ftPkY_zg1IrYjZkO1jFgBFznhDNqhMNx-YKlfZt637xALqq3GjwQRQNu4vzPxTE0MdgyNhDauZitSxhl0vd6zEYbulExWDcNdGGgkIX_7i6vJxjT3iL6pKoiTpBBseOH1UUA/s1600-h/%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 247px; height: 248px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbWmPVC1ftPkY_zg1IrYjZkO1jFgBFznhDNqhMNx-YKlfZt637xALqq3GjwQRQNu4vzPxTE0MdgyNhDauZitSxhl0vd6zEYbulExWDcNdGGgkIX_7i6vJxjT3iL6pKoiTpBBseOH1UUA/s400/%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354158037694766674" /></a><br /><strong>ฝึกหายใจ...ให้หายง่วง</strong><br /><br />ตกบ่ายทีไร เป็นต้องสมองตื้อตัน ความคิดไม่แล่น เนื่องจากความง่วงเหงาหาวนอนเป็นประจำหรือเปล่า จะแก้อาการด้วยกาแฟสักแก้ว ก็คงเป็นการหลอกตัวเองแบบไม่มีประโยชน์ (เพราะกาแฟมีโทษน่ะสิ)<br /><br />ในหนังสือ “พลังบำบัด ร่างกายคุณรักษาตนเองได้” ของนายแพทย์แอนดรู ไวล์ เขามีวิธีบริหารลมหายใจซึ่งจะช่วยกระตุ้นร่างกาย ปลุกตัวเองให้กระฉับกระเฉงขึ้นได้ด้วย น่าสนใจไหม ลองทำตามดังนี้<br /><br />นั่งในท่าสบายๆ หลังตรง หลับตา เอาปลายลิ้นแตะที่ฟันบนด้านในแล้วเลียขึ้นไปทางเพดาน พอพ้นฟัน พักปลายลิ้นที่ตำแหน่งนั้น เรียกว่าตำแหน่ง “โยคะ” พักลิ้นไว้จุดนี้ตลอดการฝึก<br /><br />หายใจเข้าออกถี่ๆ ทางจมูก หุบปากตามสบาย การหายใจเข้าและออก ควรเป็นระยะเท่ากันและถี่กระชั้น จนคุณรู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่ฐานต้นคอเหนือกระดูกไหปลาร้าและที่กระบังลมเกิดการเคลื่อนไหวตาม หน้าอกต้องกระเพื่อมเร็วและเป็นจังหวะคล้ายๆ กำลังสูบลมด้วยที่สูบลม ภาษาสันสกฤตจะเรียกหารบริหารบทนี้ว่า “การหายใจแบบสูบลม” ซึ่งควรมีเสียงทั้งหายใจเข้าและหายใจออก หายใจให้ได้สัก 3 รอบต่อ 1 วินาที ถ้าพอทำไหว<br /><br />ครั้งแรกที่คุณลองหายใจแบบนี้ ให้ทำสัก 15 วินาทีก็พอ ตามด้วยการหายใจปกติ แต่ละครั้งที่คุณจะบริหารก็ให้เพิ่มเวลาขึ้นเป็นครั้งละ 5 วินาที จนกระทั่งทำได้ถึง 1 นาทีเต็ม<br /><br />วิธีนี้เป็นการออกกำลังกายให้แก่การหายใจจริงๆ คุณจึงควรรู้สึกล้าตามกล้ามเนื้อจุดต่างๆ ที่ใช้งาน ไม่ต้องวิตก การบริหารบ่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น และเมื่อคุณกลับสู่การหายใจปกติ จะรู้สึกว่ามีพลังงานเคลื่อนไหวถ่ายเทไปตลอดทั้งร่างอย่างเบาบาง แต่หนักแน่น<br /><br />วิธีบริหารลมหายใจนี้จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางให้ทำงานมากขึ้น ลองใช้วิธีนี้แก้ง่วงแทนกาแฟ คุณหมอแอนดรูก็ใช้วิธีนี้เสมอยามขับรถ เขาพบว่ายิ่งทำมากเท่าใด ยิ่งสร้างพลังให้แก่คุณเองมากขึ้นเท่านั้น<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-54234994560144755562009-07-03T15:48:00.000+07:002009-07-03T15:51:25.337+07:00วิธีถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhw0j2r44nIVz7HELutq4gyogv9SZlGHVO2KAIuuvPgFzG8Cx3orXvuyC0qDKf-RrW8f8WuQFVouVYBGgrLBdRWySMf8NlLNxEEI5rYwdiGdwIF-f5KAq_47WDzX48vLxqyFgjocR65ew/s1600-h/Computer130.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 318px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhw0j2r44nIVz7HELutq4gyogv9SZlGHVO2KAIuuvPgFzG8Cx3orXvuyC0qDKf-RrW8f8WuQFVouVYBGgrLBdRWySMf8NlLNxEEI5rYwdiGdwIF-f5KAq_47WDzX48vLxqyFgjocR65ew/s400/Computer130.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5354153571430262226" /></a><br /><strong>วิธีถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์</strong><br /><br />น้องๆ วัยเรียนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาจเกิดอาการตาแห้ง สายตาล้า ดังนั้น เพื่อตาคู่สวยจะได้ทำหน้าที่ให้ดีไปนานๆ สัปดาห์นี้ 'Edutainment Zone' ชวนมาถนอมดวงตากัน<br /><br />1. เริ่มจาก 'จอภาพ' ควรห่างจากสายตาประมาณ 1 ช่วงแขน และตั้งกับโต๊ะที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป หากระยะห่างระหว่างจอกับตาไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้รู้สึกเมื่อยล้าและปวดตาได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และหลังเกร็ง เนื่องจากท่านั่งไม่สมดุล และต้องก้ม-เงย เป็นเวลานาน<br /><br />2. ปรับแสงหน้าจอคอมฯ ให้รู้สึกสบายตา โดยดูจากสภาพแวดล้อมในห้องด้วยว่า เมื่อส่องมากระทบจะมีแสงจ้าเกินไปหรือไม่ เพราะแสงที่สว่างมากจะส่งผลเสียต่อตาได้ง่าย อาจทำให้รู้สึกแห้งและแสบตา นอกจากนี้ อาจติดแผ่นกรองรังสี เพื่อลดการกระจายแสง<br /><br />3. คลายความล้า โดยหยุดพักทุก 30 นาที มองไปไกลๆ หรือหลับตาประมาณ 5 นาที จากนั้น อาจเปลี่ยนอิริยาบถยืดเส้นยืดสาย เพื่อลดปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการใช้คอมฯ เป็นเวลานาน<br /><br />4. หลังทำงานเสร็จ หลับตา แล้วใช้น้ำเย็นชโลมดวงตา หรือหาผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาปะคบประมาณ 5 นาที จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และทำให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดี<br /><br />ลองไปปรับใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดกันดู เพื่อถนอมดวงตาคู่สวยให้ใสปิ๊ง และทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพให้นานที่สุด<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7596943027552233706.post-70039832447784604112009-07-01T17:36:00.000+07:002009-07-01T17:39:07.316+07:00เทคนิคหน้าท้องแบนราบ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSrFoMSn9GZ2QBWcHt5YzHzmhH-pLHzAh5dpXK34MuLDtDPHQkU2_GEU8T18xsod4OKY229UexwiVSoKMcZBBPBRuQlSdobMJL1jx8FaFkEqgRU4cISSKqAytnoMIcOsYZyaGg9gV64A/s1600-h/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%99.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 225px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSrFoMSn9GZ2QBWcHt5YzHzmhH-pLHzAh5dpXK34MuLDtDPHQkU2_GEU8T18xsod4OKY229UexwiVSoKMcZBBPBRuQlSdobMJL1jx8FaFkEqgRU4cISSKqAytnoMIcOsYZyaGg9gV64A/s400/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%99.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5353438802369498802" /></a><br /><strong>เทคนิคหน้าท้องแบนราบ</strong><br /><br />ใครที่อยากหน้าท้องแบนราบ มีเทคนิคในการทำให้หน้าท้องแบนราบมาฝาก...<br /><br />*ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เพราะถ้าร่างกายขาดน้ำ จะกักเก็บของเหลวไว้ ทำให้ดูบวมน้ำ<br /><br />*งดน้ำอัดลม อันนี้เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดลม ในกระเพราะอาหาร ถ้าอยากดื่มน้ำหวาน ให้เลือกชนิดไม่อัดแก๊สจะสบายท้อง<br /><br />*รับประทานโยเกิร์ต เนื่องจากในโยเกิร์ตจะมีสารที่ช่วยย่อยสลายน้ำตาล และโปรตีน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น<br /><br />*ลดเกลือ ลองเปลี่ยนมาใช้ซีอิ๊วญี่ปุ่น หรือซอสปรุงรส แทนน้ำปลา และใช้เนื้อสัตว์สด ในการปรุงอาหาร ดีกว่าเนื้อสัตว์ชนิดแปรรูป เพราะมีเกลือน้อยกว่า เกลือทำให้ร่างกายบวมน้ำ นอกจากตัวบวมแล้ว ยังเป็นเหตุให้ใต้ตาบวมอีกด้วย<br /><br />*หลีกเลี่ยงน้ำตาลฟรักโทส พบได้ในผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะผลไม้สุก น้ำผลไม้ และในน้ำอัดลมทุกชนิด สิ่งที่เน้นให้เลี่ยงน้ำตาลฟรักโทสจากผลไม้ นั่นคือ ผลไม้อบแห้ง อย่าง อินทผลัม กล้วยตาก นอกจากหวานมากแล้ว ยังอาจเกิดแก๊สซึ่งไปรบกวนระบบย่อยอีกด้วย<br /><br />*เพิ่มโพแทสเซียม พบมากในกล้วยหอม และบร็อคโคลี่ โพแทสเซียมจะช่วยรักษาระดับน้ำในเซลล์ ให้สมดุล และป้องกันอาการบวมน้ำ<br /><br />*ดื่มน้ำขิง เพราะขิงช่วยลดอาการบวมน้ำ ขับลม และช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น สำหรับการดื่มน้ำขิงควรเลือกขิงผงพร้อมดื่ม ที่น้ำตาลน้อย จะได้ไม่อ้วน<br /><br />*รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีหน้าท้องแบนราบ ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้<br />*<br />*ดุ๊กดิ๊กhttp://www.blogger.com/profile/11383949376084627686noreply@blogger.com